คนเรากลัว"สิ่งที่เราไม่รู้"นั้น ถูกต้องนะคร้าบบบ
แต่ถ้ามองลึกลงไปกว่านั้นอีก คนเรากลัวตายครับ
เพราะว่าผี หรือสัตว์ประหลาด หรือภัยอะไรก็ตาม ที่เราคิดว่าแอบแฝงอยู่ในความมืด
เรากลัวสิ่งเรานี้จะมาทำอันตรายกับเรา ทำให้เราบาดเจ็บ ต้องเจ็บปวดทรมาน
และสุดท้ายก็ตายไปในที่สุด
ถ้าคนเรารู้จักธรรมชาติของผี เราก็คงไม่กลัวเขาหรอกครับ
เพราะผีเป็นสภาพที่น่าสงสารมาก ๆ
มีผีน้อยนักที่จะมาทำอันตรายเราได้
ส่วนใหญ่เขาปรากฏออกมาเพื่อจะขอส่วนบุญส่วนกุศลของเราต่างหาก
เพราะเขาทำบุญมาน้อย จึงต้องไปอยู่ในสภาพนั้น
ผีที่มีกำลังเข้มแข็งมาก จึงจะสามารถทำภาพให้เราเห็นและเสียงให้เราได้ยิน
กำลังอ่อนลงมา ก็จะสร้างได้แต่ภาพ
อ่อนลงมาอีก ก็ทำได้แต่เสียง
กำลังอ่อนมาก ๆ ก็จะสร้างกลิ่นให้เรารู้สึกได้ทางจมูกแทน
ภาพที่เขาสร้างมานั้น ที่น่าเกลียดน่ากลัวตามความคิดของเรา นั่นคือความพยายามที่สูงที่สุดที่เขาทำได้แล้วครับ
จริง ๆ เขาอยากจะออกมาสวยกว่านั้น เราจะได้ไม่ตกใจกลัวกัน
แต่บุญเขามันไม่พออะ
ที่เขาอยากจะติดต่อเรา ก็เพราะเขาอยากให้เราอุทิศบุญให้เขาบ้าง เท่านั้นเอง
ผีส่วนน้อยมาก ที่มีกำลังจิตสูง
ผีเหล่านี้จึงจะสามารถบันดาลให้เกิดสิ่งต่าง ๆ ได้
แต่ขอบอกว่า น้อยจริง ๆ ครับที่ทำแบบนี้ได้
และถ้าเขาทำให้เราเดือดร้อนได้ ก็เป็นเพราะว่าเราเคยเบียดเบียนเขามาก่อน
ถ้าไม่เคยมีอกุศลกรรมเกี่่ยวเนื่องกันมาก่อน เขาก็คงไม่อยากยุ่งกับเราหรอกครับ นอกจากจะมาขอส่วนบุญ
เพราะในสภาพของเขา เขาก็ทรมานจะแย่อยู่แล้ว
ฉะนั้น ถ้าใครเจอผี หรือรู้สึกว่าผีมา
ก็อุทิศส่วนกุศลให้เขาไปเลยครับ
หากคำบาลียากไป ก็เอาภาษาไทยนี่หละครับ
"ผลบุญใดที่ข้าพเจ้าได้ทำมาดีแล้ว จะพึงให้ประโยชน์และความสุขแก่ข้าพเจ้าเพียงใด
ขอท่านทั้งหลายที่วนเวียนสิงสถิตอยู่ในสถานที่แห่งนี้ ได้โปรดมาโมทนาได้ผลบุญนี้
ขอพึงได้รับประโยชน์และความสุขเข่นเดียวกับข้าพเจ้าจะพึงได้รับ ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด"
ไม่ต้องจำคำเป๊ะ ๆ หรอกครับ
เอาให้ได้ใจความประมาณนี้
จะนึกเป็นภาษาไทย ภาษาเมือง ภาษาอีสาน ก็ได้ครับ
สำคัญที่ว่าใจเราต้องการจะให้เขามีความสุขหรือเปล่า
ทุกอย่างสำคัญที่ใจและเจตนาครับ
สุดท้ายนี้ คนที่ไม่เคยคิดจะเบียดเบียนใคร
เขาก็ไม่ต้องกลัวใครเช่นกัน
เพราะเขามั่นใจว่า จะไม่มีใครมาคิดเบียดเบียนเขาแน่นอน