-->

ผู้เขียน หัวข้อ: ตำนานดอกไม้ และ นาร์ซิลซัส ผู้หลงเงาตัวเอง  (อ่าน 2762 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

  • Administrator
  • เทพเจ้าราตรี
  • *
  • กระทู้: 18236
  • Country: th
  • คะแนนจิตพิสัย +9/-0
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • cmxseed

ตำนานดอกกุหลาบ(Rose)



ตำนานดอกกุหลาบของกรีกนี้ (ของไทยก็...เรื่องมัทนะพาธา มีที่มามาจาก
เรื่องความรักฉันชู้สาวระหว่าง เทพีอโฟรไดท์ (วีนัส) กับอาโดนิส


เมื่อเทพีอโฟรไดท์ไปเที่ยวเล่นในป่าแล้วเจอต้นไม้ต้นนึงกำลังจะโค่น พอมันโค่นลงมาก็ปรากฏว่ามีทารกเพศชาย
อยู่ในโพรงไม้ เทพีอโฟรไดท์จึงนำเด็กไปฝากไว้กับ เทพีเพอร์เซโฟนี่ (ภรรยาของ เทพเฮเดส เจ้าแห่งยมโลก)
ให้เลี้ยงไว้ก่อน


เวลาผ่านไป 15 ปี อาโดนิสเติบโตเป็นหนุ่มรูปงามแล้วอะโฟรไดท์ก็ไปเห็นเข้า (อย่าลืมว่าเทพน่ะ ไม่แก่ ไม่ตายนะ)
เกิดตกหลุมรักจึงไปขออาโดนิสคืนจากเทพีเพอร์เซโฟนี่ แต่ฝ่ายโน้นก็ไม่ยอมจนทะเลาะกัน แล้วซูส (เจ้าเก่า)
ก็ต้องมาตัดสินให้ตามธรรมเนียม ผลสรุปก็คือ ให้อาโดนิสอยู่กับอะโฟรได้ท์ 4 เดือน อยู่กับเทพีเพอร์เซโฟนี่ 4 เดือน
แล้วอีก 4 เดือนจะไปอยู่ไหนก็ไป

ทางด้าน เอรีส (มาร์ส ชู้รัก(อีกคน)ของอะโฟรได้ท์) เห็นว่าอโฟรไดท์หลงเด็กใหม่อาโดนิส (ริเลี้ยงต้อย...)
ก็เลยโกรธแค้นมาก คิดหาทางแก้แค้นประกอบกับตัวอาโดนิสเองชอบการล่าหมูป่ามาก แผนการร้ายโดย
เทพเเห่งสงครามจึงเริ่มขึ้น นั่นก็คือ วันหนึ่งซึ่งเป็นวันที่อาโดนิสจะต้องอยู่กับอโฟรไดท์ อาโดนิสได้ออกไป
ล่าหมูป่าอีก อโฟรไดท์ก็ตามไปด้วยความเป็นห่วง แต่ก็อ่ะนะ...แค่ช่วงนิดเดียวที่อาโดนิสคลาดสายตาไป
เรื่องร้ายก็เกิดขึ้นจนได้!!!


เอรีสที่แปลงร่างเป็นหมูป่าก็ตรงเข้าขวิดอาโดนิสถึงแก่ความตายทันที!!!



กว่าอโฟรไดท์จะมาถึง อาโดนิสก็กลายเป็นศพนอนจมกองเลือดแล้ว อโฟรไดท์ตรงเข้าไปร่ำไห้
กับร่างไร้วิญญาณด้วยความเสียใจน้ำตาของเทพีแห่งความงามรวมกับเลือดของอาโดนิสได้รวมตัวกัน
เกิดเป็นดอกไม้ชนิดหนึ่งให้ชื่อว่า ดอกกุหลาบ


เทพีอะโฟรได้ท์จึงอธิษฐานให้ดอกไม้ชนิดนี้เป็นดอกไม้แทนความรักระหว่างกัน
ดอกกุหลาบจึงถูกใช้เป็นเครื่องหมายแสดงความรักในวันสำคัญ เช่น วาเลนไทน์ นับแต่นั้นเป็นต้นมา...



ดอกไฮยาซินธ์ (Hyacinth)



"ดอกไฮยาซิน" เป็นดอกไม้ที่ฝรั่งชอบกันมากสาวไทยเราก็เห็นกันบ่อย ๆ ในแม่น้ำลำคลอง
เพราะมันก็คือ "ดอกผักตบชวา "นั่นเอง


ตำนานของดอกไม้ดอกนี้ค่อนข้างเศร้าเป็นบทเรียนถึงแรงริษยาที่ทำลายชีวิตบริสุทธิ์ให้พินาศไปว่ากันว่า 
" ไฮยาซิน " เป็นชื่อของพระราชกุมารโอรสของกษัตริย์องค์หนึ่ง  พระโอรสองค์นี้ทรงหล่อมาก ๆ 
จนแม้แต่เทพอย่าง " อพอลโล่ "  ก็ยังมาติดเนื้อต้องใจแวะเวียนมาหาอยู่บ่อย ๆ จนในที่สุดก็ลืม
กลับสวรรค์ไปเลย 


แต่คนหล่อ ๆ ก็ต้องมีคนหมายปองเป็นธรรมดา  นอกจากอพอลโล่แล้วเทพเจ้าลมตะวันตก "เชอฟีรัส " ก็แอบหลงรัก
ไฮยาซินอยู่เหมือนกัน เซอฟีรัสพยายามรอจังหวะที่อพอลโล่จะกลับสวรรค์เสียที่  ตัวเองจะได้เข้ามาจีบเจ้าชายรูปงามบ้าง 
แต่รอเท่าไรอพอลโล่ก็มัวแต่กินเด็กไม่ยอมไปไหน ความรักของเซอฟิรัสก็เลยเปลี่ยนเป็นความหึงและความเกลียด 
เมื่อฉันไม่ได้คนอื่นก็อย่าหวังจะได้  ว่างั้นเถอะ 



วันหนึ่งอพอลโล่กับไฮยาซินเล่นขว้างจักรกัน  แต่เมื่อถึงตาที่อพอลโล่เป็นคนขว้างไปหาคนรัก  เซอฟีรัสได้ที
ก็เลยแกล้งออกแรงเป่าลมไปที่จักร  ทำให้มันพุ่งแรงกว่าที่อพอลโล่ตั้งใจ  พุ่งไปปักอกของเจ้าชายไฮยาชิน
ฝ่ายไฮยาซินทัสทนพิษบาดแผลไม่ไหว สิ้นใจตายตรงนั้นเอง...


อพอลโล่รีบวิ่งไปประคองคนรักแต่ก็ตายเสียแล้ว  เทพอพอลโล่ผู้ไม่อยากจะพรากจากคนรัก
จึงเสกให้เลือดของไฮยาชินที่ไหลท่วมกลายเป็นดอกไม้แสนงามสีแดงเหมือนเลือด แล้วตั้งชื่อมันว่าดอกไฮยาชิน 
แต่เมื่อน้ำตาของอพอลโล่หยดลงไปถูกดอกไฮยาชิน เกิดเป็นดอกไม้สีสวยขึ้น 1 กอ สีแดงของดอกไม้ก็เปลี่ยน
เป็นสีม่วงอย่างที่เราเห็นกัน  ว่ากับว่ากลีบดอกไม้เป็นรูปหยดน้ำตาที่เทพอพอลโลหลั่งรินบนเลือดของไฮยาซินทัสด้วย
ทุกวันนี้นั้นเองการให้ดอกไฮยาซินธ์กับใคร มีความหมายโดยนัยว่า "ยกโทษให้ชั้นเถอะนะ"




ตํานานดอกตะวัน (Flower sun)



เคยได้กล่าวถึงเรื่องของสุริยเทพไปแล้ว คราวนี้เลยจะขอเล่าถึงตำนานรักที่เกี่ยวข้องกับสุริยเทพบ้าง คือเรื่องของนางไคลทีเอ
ผู้หลงรักสุริยเทพจนต้องกลายเป็นดอกทานตะวัน

 
นางไคลทีเอ (Clytië) เป็นพี่สาวของนางลูโคธีอา(บางที่ว่านางลูโคโธเอ) ซึ่งสุริยเทพเฮลิออสมาหลงรัก จนต้องปลอมเป็น
มารดาของนางลูโคธีอาเพื่อเข้าหานาง พอเข้าห้องนางได้ก็กลับเป็นเฮลิออสร่วมหลับนอนกับนาง (ชั่วมากกกกกกก)
นางไคลทีเอซึ่งหลงรักสุริยเทพอยู่รู้เข้าก็เกิดริษยา จึงไปฟ้องกษัตริย์ออร์คามัสผู้เป็นบิดา ทำให้นางลูโคธีอาถูกลงโทษ
ให้ฝังทั้งเป็น สุริยเทพเฮลิออสเสียใจมาก จึงบันดาลให้นางลูโคธีอากลายเป็นพุ่มไม้หอมหรือกำยาน แต่ก็ไม่ได้มารักใคร่
ไยดีอะไรกับนางไคลทีเอ หนำซ้ำจะเกลียดขี้หน้าหนักเข้าเสียอีก




นางไคลทีเอจึงต้องทุกข์ระทมอยู่ลำพัง นางเฝ้าคร่ำครวญหาสุริยเทพ ไม่ยอมแตะต้องทั้งอาหารและน้ำเลยติดต่อกันถึง ๙ วัน
(อึดเป็นบ้า) จนรากงอก กลายเป็นดอกทานตะวัน คอยหันหน้าตามดวงอาทิตย์ตั้งแต่อรุณรุ่งจนกระทั่งอาทิตย์อัสดงตลอดไป
 


อีกตำนานเล่าว่า นางไคลทีเอเป็นนางอัปสรประจำลำธาร นางหลงรักเทพอพอลโลในฐานะสุริยเทพ แต่อพอลโลไม่มีใจตอบ
นางจึงได้แต่นั่งเฝ้ามองอพอลโลขับรถดวงตะวันข้ามฟากฟ้าตั้งแต่เช้าจรดเย็น ติดต่อกันถึง ๙ วัน โดยไม่เป็นอันกินอันนอน
จนกระทั่งกลายเป็นดอกทานตะวัน คอยเฝ้ามองดวงตะวันไปตลอดกาล ดอกทานตะวันจึงเป็นสัญลักษณ์ของความมั่นคงจริงใจ
เหมือนกับนางไคลทีเอที่มั่นคงต่อสุริยเทพแต่เพียงผู้เดียวจนต้องกลายเป็นดอกทานตะวันนั่นเอง

 
 
นาร์ซิลซัส (Nacissus)ผู้หลงเงาตัวเอง



อีกตำนานที่จะเล่าคราวนี้ คือตำนานดอกพลับพลึง หรือเรื่องของนาร์ซิสซัสนั่นเอง คราวนี้เราจัดให้เป็นแพคเกจ
คือนาร์ซิสซัส แล้วแถมด้วยนางเอคโค (ก็มันเกี่ยวกันอยู่น่ะนะ) จะเป็นอย่างไรนั้น เชิญติดตาม

 
นาร์ซิสซัส เป็นบุตรของนางอัปสรเลไรโอเพ กับเทพประจำแม่น้ำเซฟิสซัส นาร์ซิสซัสเป็นหนุ่มรูปงาม หล่อมากกกกกกกก
จนมีผู้มาหลงรักมากมายทั้งหญิงและชาย (โอ้ว้าว o___O) แต่นาร์ซิสซัสก็ไม่ได้มีใจตอบผู้ใดเลย

 
ในบรรดาผู้ที่มาหลงรักนาร์ซิสซัสนี้ มีนางอัปสรเอคโครวมอยู่ด้วยนางเอคโคนี้ ถูกเทวีฮีราสาปให้ไม่สามารถพูดสิ่งใดได้
นอกจากพูดทวนคำที่มีคนพูดก่อนเท่านั้น นางเอคโคหลงรักนาร์ซิสซัส แต่ไม่สามารถพูดได้ดั่งใจคิดได้ นาร์ซิสซัส
พูดอะไรก็ได้แต่พูดตาม จนนาร์ซิสซัสโมโห นึกว่ามาล้อกันเล่น จึงด่าว่าตัดรอนนางเอคโคอย่างไม่ไยดี

นางเอคโคทั้งเสียใจทั้งโกรธ เลยสวดอ้อนวอนต่อเทวีเนเมซิส-เทวีแห่งการแก้แค้นหรือกรรมตามสนอง ขอให้นาร์ซิสซัส
มีรักที่ไม่สมปรารถนาบ้าง จะได้รู้ถึงความรู้สึกของผู้อื่น (บางตำนานก็ว่าเป็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่ถูกนาร์ซิสซัสปฏิเสธ
หรือบ้างก็ว่าเป็นเหล่าหญิงสาวที่ถูกนาร์ซิสซัสหักอกชนิดไม่ถนอมน้ำใจ)



 
เทวีเนเมซิสก็บันดาลให้ตามที่นางเอคโค(หรือใครก็ตาม)ขอ เมื่อนาร์ซิสซัสแวะดื่มน้ำที่ลำธารแห่งหนึ่ง มองลงไปในน้ำ
เห็นเงาตัวเองก็เกิดหลงเงานั้น แต่เมื่อเอื้อมมือไปจะคว้าเงา เงานั้นก็กลับเลือนไปไม่สามารถคว้าได้ (ก็แหงล่ะย่ะ เงาในน้ำนี่)
นาร์ซิสซัสจึงได้แต่นั่งเฝ้ามองเงาของตนด้วยความหลงใหล จนรากงอก กลายเป็นดอกพลับพลึงอยู่ริมน้ำตั้งแต่นั้นมา

 
และมีอีกตำนาน ซึ่งไม่ค่อยเป็นที่รู้จักนัก บอกว่านาร์ซิสซัสมีน้องสาวฝาแฝดอยู่คนหนึ่ง
ซึ่งนาร์ซิสซัสรักมาก แต่น้องสาวฝาแฝดก็เสียชีวิตไป นาร์ซิสซัสเสียใจมาก และวันหนึ่ง ขณะไปดื่มน้ำที่บ่อน้ำ
มองลงไปในน้ำก็เกิดเห็นเงาตัวเองเป็นเงาน้องสาว จึงเฝ้ามองเงานั้นไม่เป็นอันกินอันนอน จนเสียชีวิตและกลาย
เป็นดอกพลับพลึงไปในที่สุด

 


ส่วนนางเอคโค (Echo) นั้นเดิมเป็นนางอัปสรที่มีศิลปะในการพูดเป็นเลิศ (แปลเป็นภาษาชาวบ้านว่าพูดมากนั่นเอง)
เทพซูสหรือจูปิเตอร์จึงใช้ให้คอยพูดจาชักจูงเทวีฮีราไว้ตอนที่พระองค์จะไปหากิ๊ก(หรือชู้นั่นเอง) พอเทวีฮีรารู้ว่าซูสแอบไป
หากิ๊กอีกแล้วก็โกรธ และจะรีบตามไป แต่เจอนางเอคโคมาขวางไว้ และพูดจาจนเทวีฮีราฟังเพลินอยู่เป็นนาน กว่าเทวีฮีรา
จะรู้ตัวว่าโดนหลอกถ่วงเวลา ก็ตามซูสไม่ทันแล้ว จึงโกรธและสาปนางเอคโค ไม่ให้สามารถพูดอะไรได้อีก นอกจากจะพูดทวน
สิ่งที่มีผู้อื่นพูดก่อนเท่านั้น

นางเอคโคโดนสาป เสียความสามารถในการพูด ไม่สามารถพูดได้อย่างคนอื่นเขาอีกก็อับอาย จึงหลีกลี้หนีไปอยู่ตามลำพัง
ในถ้ำในป่าเขา แต่เจ้ากรรมดันไปเจอนาร์ซิสซัสอีก เกิดหลงรักนาร์ซิสซัสแต่ไม่ได้รับความรักตอบ นางจึงตรอมใจจนเสียชีวิต
เหลือแต่เสียงไว้ตามป่าเขา คอยสะท้อนตอบเสียงของผู้คนที่กู่ร้อง คำว่าเอคโค (Echo) จึงมีความหมายถึงเสียงสะท้อนนั่นเอง

credit :: greeknovel
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่

oomaim

  • แอบจิต
  • **
  • กระทู้: 22
  • Country: 00
  • คะแนนจิตพิสัย +0/-0
    • ดูรายละเอียด
Re: ตำนานดอกไม้ และ นาร์ซิลซัส ผู้หลงเงาตัวเอง
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 01 ธันวาคม 2013, 13:48:15 »

ดอกไฮยาซินธ์   lkkjjh lkkjjh lkkjjh
Post by Speed Boom Origin SBO