-->

ผู้เขียน หัวข้อ: Edgar Allan Poe นักเขียนเรื่องลึกลับสุดอาภัพ และเรื่องลึกลับหลังความตายของเขา  (อ่าน 646 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

  • Administrator
  • เทพเจ้าราตรี
  • *
  • กระทู้: 18212
  • Country: th
  • คะแนนจิตพิสัย +9/-0
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • cmxseed

Edgar Allan Poe นักเขียนเรื่องลึกลับสุดอาภัพ และการตายอันลึกลับของเขา



เอ็ดการ์ อัลลัน โปเกิดวันที่ 19 มกราคม ค.ศ. 1809 ที่เมืองบอสตัน แมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา
เป็นบุตรชายของเดวิด โป จูเนียร์ (David Poe, Jr.) และอลิซาเบธ ฮอปกินส์ โป (Elizabeth Arnold Hopkins)
ผลงานของโปส่วนมากนั้นจะเป็นเรื่องแนวฆาตรกรรม ลึกลับ เหนือธรรมชาติ สืบสวน รวมถึงยังเป็นนักเขียนคนสำคัญ
ที่ร่วมบุกเบิกนิยายแนววิทยาศาสตร์ซึ่งเป็นของใหม่ในเวลานั้นให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และยังเป็นคนแรก
ที่บุกเบิกคดีหรือสืบสวนอีกด้วย


พ่อแม่ของโปนั้นได้เสียชีวิตตอนโปอายุเพียง 3 ขวบทำให้เขาเป็นเด็กกำพร้าและได้มีคนมาอุปถัมภ์ไปนั้นก็คือ
จอห์นและฟรานเซส อัลลัน (John & Frances Allan) โปนั้นเป็นคนที่ยึดถืออาชีพนักเขียนเป็นหลัก หรือเรียกง่ายๆว่า
ไส้แห้งจริงๆ โปมักเขียนเรื่องเกี่ยวกับความตายเพราะเขาเสียคนรักของเขาไปตั้งแต่เล็กๆ นี้อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่ง
ที่ทำให้โปนั้นเป็นนักเขียนที่ดาร์กสุดกู่จริงๆ โปเป็นนักเขียนที่จะเขียนผลงานให้กับผู้หญิงทุกๆคนที่มีความสำคัญ
ต่อชีวิตเขาไม่มากก็น้อยและยังเป็นเคสตัวอย่างที่ต้องมีการจดลิขสิทธิ์ของผลงาน เพราะผลงานที่ถูกตีพิมพ์ของโปนั้น
เขาไม่ได้แม้ค่าลิขสิทธิ์ซักนิดเดียว

โปยังเป็นที่เคารพของ Stephen King เขาเป็นผู้ให้กำเนิดเรื่องสืบสวนแนว Sherlock Holmes ในตัวละคร
Auguste Dupin นักเขียนที่ได้รับอิทธิพลมาจากโปเยอะที่สุดในศตวรรษที่ 20 คือ HP. Lovecraft




1815 ครอบครัวโปย้ายไปอยู่ที่กรุงลอนดอนประเทศอังกฤษเพื่อขยายธุรกิจ และนี้ส่งผลกระทบต่อผลงานเขียนของเขาอย่างมาก
สังเกตได้จากนิยายจะเล่าเรื่องเหตุการณ์ที่มักเกิดขึ้นในแถบยุโรป

1820 ต้องย้ายกลับไปประเทศอเมริกาเพราะว่าธุรกิจยาสูบนั้นล้มละลาย เช่นเดียวกันก็ส่งผลกระทบต่องานของโปเป็นอย่างมาก
และเป็นแรงผลักดันให้โปเขียนเรื่องเกี่ยวกับตัวเอกเป็นคนรวยแต่ต้องตกอับ

1824 เป็นปีที่เพื่อนของโปได้เสียชีวิตลง เพราะในปี 1820 เขาได้กลับไปเมืองริชมอนด์และได้เรียนโรงเรียนเอกชน
ทำให้เขาได้เจอเพื่อเธอคนนี้ และหลังจากเธอเสียชีวิตลงทำให้โปหดหู่เป็นอย่างมาก

1825 โปได้เข้ามหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย ผลการเรียนดีแต่ติดพนันและเหล้าเป็นอย่างมาก (เป็นสาเหตุหลักทำให้โปเสียชีวิตก่อนวัยอันควร)
ทำให้พ่อบุญธรรมเลิกส่งเสีย โปเลยออกจากมหาวิทยาเวอร์จิเนียและมุ่งหน้าลงเรือไปเมืองบอสตัน เริ่มทำงานเป็นนักหนังสือพิมพ์และตีพิมพ์
ผลงานเล่มแรกแต่ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าไหร่นัก

1827 โปได้เกณฑ์ทหารใช้ทั้งชื่อและอายุปลอม โดยใช้ชื่อ "เอ็ดการ์ เพอร์รี่" ถูกไปประจำการที่ฟอร์ต มูลทรี เกาะซัลลิแวนส์
ซึ่งเป็นสถานที่แรงบันดาลใจให้เขียนเรื่อง The Gold Bug

1829 โปเบื่อชีวิตทหารและขอปลดประจำการ เขาอยากกลับเข้าไปเรียนมหาวิทยาลัยแต่แม่บุญธรรมของเขาก็ได้เสียชีวิตลงอีก
เขาย้ายไปอาศัยอยู่กับ Maria Clemm ซึ่งเป็นป้าของโปและเวอร์จิเนีย (Virginia Eliza Clemm) ลูกพี่ลูกน้อง และนี้ก็คือ
ภรรยาของโปนั้นเอง สุดท้ายก็ได้แต่งงานกัน

1830 ได้ศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยทางการทหารแห่งสหรัฐอเมริกา เวสพอยต์ (United States Military Academy at West Point)
ที่นิวยอร์กแต่โดนไล่ออกเพราะความประพฤติ

1831 กลับไปอยู่ที่รัฐบัลติมอร์กับป้า เวอร์จิเนียและพี่ชาย (ติดเหล้าและเสียชีวิตเพราะวัณโรค) โปมุ่งมันกับงานเขียนต่อไป
และได้รับรางวัลครั้งแรกจากการส่งเรื่องสั้น MS. Found in a Bottle จาก Baltimore Saturday Visitor

1834 พ่อบุญธรรมเสียชีวิตลง และไม่ได้ยกสมบัติให้โปเลยซักนิด ต่อมา Thomas Willis White แห่ง Southern Literary Messenger
เสนองานผู้ช่วยบรรณาธิการให้โปในเมืองริชมอนด์

1835 โปได้แต่งงานเงียบๆกับเวอร์จิเนียและป้าก็ได้ย้ายตามมาอยู่ด้วย

1837
โดนไล่ออกจากงานเพราะติดเหล้า ถึงจะทำงานได้ดีแค่ไหนก็ตาม โปย้ายไปอยู่นิวยอร์ค 1 ปีครึ่งทำให้ได้สร้างสรรค์ผลงานเขียน
มากมายและได้รับการตีพิมพ์ลงนิตยสารชื่อดังหลายฉบับ ต่อมาย้ายไปที่เมืองฟิลาเดเฟีย รัฐเพนซิลเวเนีย และอาศัยอยู่ที่นั้นอีก 4 ปี
ในระหว่างนั้นเขาทำงานเป็นบรรณาธิการให้กับนิตยสารสองเล่ม จนกระทั่งนิตยสารสองเล่มได้ปิดตัวลง แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้โปหยุดสร้างสรรค์
ผลงานเลยซักนิด



1842 เวอร์จิเนียเริ่มสุขภาพทรุดโทรม มีอาการไอเป็นเลือด ทำให้โปเครียดมาก

1844 โปย้ายกลับไปที่กรุงนิวยอร์คอีกครั้งเพื่อหางานใหม่ เขาได้เป็นบรรณาธิการให้กับนิตยสารเล่มหนึ่งก่อนโดนไล่ออกเพราะขาดความรับผิดชอบ
เขาทำงานให้อีกนิตยสารอีกสองสามเล่ม แต่เนื่องจากเขาดื่มเหล้าอย่างหนักทำให้เขาทำงานไม่ทันที่กำหนด หลังจากนิตยสารที่เขาทำงานได้ปิดตัวลง
เขาก็หยุดสนใจงานเขียนและหันไปเป็นอาจาร์ยแทน

1846 ได้ย้ายไปที่เมืองฟอร์ดแฮมเพราะอาการของเวอร์จิเนียทรุดโทรมหนัก และตอนนี้โปไม่มีเงินซักแดงเพื่อมารักษาอาการของเวอร์จิเนีย
เลยทำให้อาการของเธอนั้นทรุดลงอย่างมาก

1847 สุดท้ายเวอร์จิเนียก็ได้ลาจากโปไป ทำให้โปนั้นเสียใจมาก และแทบไม่เขียนเรื่องสั้นอีกเลยหลังจากเธอเสียชีวิต และเมื่อสภาพจิตใจเขาดีขึ้น
เขาก็ได้กลับไปสอนและได้เขียนบทความเชิงวิจารณ์งานเขียนมากขึ้น ไม่ค่อยเขียนเรื่องสั้นๆเหมือนเมื่อก่อน

1849 โปได้มีโอกาสสนิทสนมกับ Sarah Elmira Royster แฟนเก่าในวัยเด็กและกำลังแต่งงานกันปีนั้น ก่อนงานแต่งงานเขาเดินทางโดยเรือ
ไปรับป้าที่กรุงนิวยอร์คเพื่อมางานแต่งงาน เรือหยุดพักชั่วคราวที่บัลติมอร์รัฐแมริแลนด์ ที่นั้นโปหายตัวไปอย่างลึกลับและมีคนไปเจอตัวอีกที
ที่หน้าร้านเหล้าไรอันซาลูนในตึกกันเนอร์สฮอลล์ ซึ่งเป็นสถานที่เลือกตั้ง ไม่มีใครทราบว่าโปพลัดหลงไปได้อย่างไร แต่ตอนที่คนเจอโป
สภาพเขาย่ำแย่มาก เขาถูกพาไปรับการรักษาที่โรงพยาบาล Washington College


สุดท้ายก็ได้เสียชีวิตลงในวันที่ 7 ตุลาคม ค.ศ. 1849




โปนั้นเป็นคนสร้างกฏเหล็กในผลงานเขียนของเขานั้นก็คือ

"ทุกอย่างควรจะเกิดขึ้นภายในวันเดียว ที่เดียวและเหตุการณ์เดียว" และยังมีความสนใจเรื่องรหัสอยู่ไม่น้อย เรื่องรหัสที่ว่าก็คือการสร้างและแปลรหัส
โปมักท้าทายผู้อ่านโดยการให้ผู้อ่านส่งปริศนามาให้เขาไขและทุกครั้ง โปก็ไม่พลาดเลย เขาถอดรหัสของผู้อ่านได้

ความใฝ่ฝันของเขานั้นก็คือเปิดสำนักพิมพ์แต่ก็ไม่มีทางเป็นจริงหรือไม่เกิดขึ้น โปได้พบกับนักเขียนอีกท่านนึงนามว่า Charles Dickens
ในขณะที่เขาเดินทางเพื่อมาบรรยายที่ประเทศอเมริกาซึ่ง Dickens ได้สัญญาจะนำผลงานของโปมาตีพิมพ์ในอังกฤษแต่น่าเสียดาย
เวลาที่ตีพิมพ์นั้นไม่ทันตอนที่โปยังมีชีวิตอยู่ ถือว่าเป็นนักเขียนที่น่าสงสารท่านหนึ่งเพราะว่าไม่ได้แห่งผลงานของตัวเองที่ประสบความสำเร็จ
ตอนยังมีชีวิตอยู่ ยกตัวอย่างเช่น หนังสือเล่มแรกของโปเรื่อง Tamerlane and other Poems ถูกขายไปในราคา 662,500 ดอลล่าร์สหรัฐ

หรือประเมินได้ที่ 215,475,184 (สองร้อยกว่าล้าน..)




ผลงานเด่นๆของโปนั้นส่วนมากจะนำไปทำภาพยนตร์และคนส่วนใหญ่ก็ชอบมากเช่นกัน
และผลงานเรื่องสั้นของโปมากมายก็สะกดใจคนไปตามวรรณศิลป์ภาษาของเขา
ส่วนมากคนจะชอบจะมี

The black cat
The fall of the house of Usher
The masque of the red death
The facts in the cause of M. Valdemar
The premature burial
M.S. found in a bottle
A tale of Ragged mountains
The Sphinx
The murders of the Rue Morgue
The tell-tale heart
The gold bug
The system of Dr.Tarr and Prof Fether
The man that was used up
The balloon hoax
A descent into the maelstrom
The purloined letter
The pit and the pendulum
The cask of Amontillado


*ลองมาดูเรื่องย่อของผลงานเขากันซักนิด*


The black cat

"เช้าวันหนึ่งผมเอาเชือกรัดคอมัน และแขวนมันไว้กับต้นไม้ด้วยความเลือดเย็น ขณะที่ผมแขวนมัน น้ำตาผมไหลอาบแก้ม
หัวใจของผมเจ็บปวดขมขื่น ผมแขวนคอมันเพราะผมรู้ว่ามันรักผม และเพราะผมรู้ว่ามันไม่ได้ทำผิดอะไร ผมแขวนคอมัน
เพราะผมรู้ว่าการกระทำเช่นนี้เป็นบาป บาปอันใหญ่หลวงที่จะทำลายจิตวิญญาณอันอมตะของผม และในขณะเดียวกัน
ผมก็เอามันวางไว้ในที่ที่แม้แต่พระเจ้าผู้ทรงเมตตาและผู้โหดร้ายก็ไม่สามารถเอื้อมถึงได้"





The masque of the red death

พรอสเพอโร ขุนนางผู้สูงศักดิ์ ดินแดนของเขาถูกคุคามโดยโรคระบาดที่เรียกว่า “มัจจุราชสีแดง” เขาเชื้อเชิญเพื่อนฝูง
ผู้ร่ำรวยมาหลบภัยในคฤหาสน์หลังโตและปล่อยให้ชาวบ้านเผชิญหน้ากับชะตากรรมภายนอก ระหว่างงานบอลรูมธีมหน้ากาก
บุคคลลึกลับสวมผ้าคลุมก็ผ่านบุกเข้ามาในคฤหาสน์ พรอสเพอโรเข้าใจว่านี้คือแขกที่ไม่ได้รับเชิญและเผชิญหน้ากับ
บุคคลลึกลับแต่แล้วเขาก็ค้นพบว่านี้คือตัวตนของ “มัจจุราชแดง” ทั้งพรอสเพอโรและแขกของเขาทุกคนต่างล้มป่วย
และเสียชีวิตในเวลาไม่ช้า ภายในเกราะกำลังที่ป้องกันไว้แน่นหนาจากโลกภายนอก




The Tell Tale Heart

ผู้บรรยายพยายามพิสูจน์ว่าตัวเองไม่ได้เสียสติ หลังจากเขาที่ได้ฆาตรกรรมเพื่อนร่วมห้องวัยชราด้วยอาการคลุ้มคลั่ง
ซึ่งเกิดมาจากดวงตาเพื่อนร่วมห้องที่เขาได้คิดว่าเหมือน "อีแร้ง" ผู้บรรยายซ่อนศพเอาไว้ใต้พื้นห้องจากนั้นตำรวจ
ได้มาถึงและได้สอบปากคำ ผู้บรรยายเริ่มได้ยินเสียงหัวใจที่ดังมา จากใต้พื้นห้องที่เขาซ่อนศพเอาไว้ มันได้เล็ดรอด
มาจากช่องว่างระหว่างไม้บนพื้นห้องและทำให้เขาทนไม่ได้และสารภาพผิดต่อหน้าทุกคน




The Raven

เขียนหลังจากแฟนโปเสียชีวิต เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง หดหู่ ซึมเศร้าตามสไตล์ของโปและผลงานนี้โปได้บรรจงเขียน
จากความรู้สึกที่ได้กลั่นออกมาทำให้มีชื่อเสียงมากที่สุดในผลงานของโป เรื่องราวเกี่ยวกับชายผู้เศร้าโศกจากการไป
ของภรรยานามว่า Lenore เขานั่งในคฤหาสน์ด้วยความโศรกเศร้าในยามค่ำคืน โดยมีอีกาพูดได้อาศัยเป็นเพื่อนเขา
และเขาแทนอีกาตัวนี้ว่า "ผู้ส่งสารจากโลกหน้า" มาเกาะอยู่ข้างๆเขา ชายคนนั้นเริ่มจมลงไปกับความรู้สึกของตัวเอง
นั้นก็คือห้วงแห่งความเศร้า เขาเริ่มสติหลอนสัมผัสได้ถึงการปรากฏตัวของภรรยาของเขา แต่ในขณะเดียวกันเจ้าอีกา
ก็ได้แต่พร่ำร้องเรื่อยไปว่า "Nevermore" หรือไม่อีกแล้ว ..

(อยากให้อ่านเรื่องนี้มากๆเพราะตัวเราเองอ่านแล้วรู้สึกเศร้าตาม เหมือนเขากลั่นมาจากความรู้สึกข้างในลึกจริงๆ)




The pit and the pendulum

เล่าเรื่องผ่านสติสัมปัชชัญญะและเล่าจากมุมมองของนักโทษโดยถ่ายทอดความรู้สึกก่อนเขาจะลาโลกนี้ไป ต้องทนทุกข์ทรมาน
จากการไต่สวนของสเปนในความผิดที่ไม่สามารถระบุได้ (หรือเอาง่ายๆไม่รู้ว่าทำผิดอะไรไปและต้องมารับผิด) เขาถูกทรมาน
ในห้องมืด ถูกนอนมัดอยู่ใต้แพนโดลัม ใบมีดขนาดยักษ์แกว่งไปมาและเคลื่อนตัวลงมาเรื่อยๆ ความพิเศษของเรื่องสั้นนี้ก็คือ
โปได้ถ่ายทอดความกลัวของมนุษย์ได้อย่างดีเยี่ยม ความรู้สึกก่อนจะตาย จะรู้สึกอย่างไรถ้าหากคุณโดนนอนปิดตาแล้วใบมีดยักษ์
กำลังแกว่งเขามาทุกทีๆ




The Cask of Amontillado

เรื่องราวนี้ได้เกิดแถบยุโรป มงเทรเซอร์มีความบาดหมางรุนแรงกับฟอร์ตูนาโต้ เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ในการคิดแก้แค้นฟอร์ตูนาโต้
และรอคอยเวลาตลอดเวลา หลังจากนั้นไม่นานประจวบเหมาะพอดีที่ฟอร์ตูนาโต้เมาที่เทศกาลคานิวัล มงเทรเซอร์ล่อเขาไปใน
ห้องเก็บไวน์ ด้วยคำสัญญาว่า "จะให้ดื่มไวน์เชอร์รี่ชั้นดีจากสเปน" จากนั้นเขาก็ได้ล่ามฟอร์ตูนาโต้ที่ร่างยังไม่สร่างเมาเท่าไหร่นัก
กับกำแพง ก่อนที่จะก่ออิฐขังไว้ในห้องเก็บไวน์เพื่อที่ฟอร์ตูนาโต้จะได้พักผ่อนไปตลอดกาล




The Gold Bug

เป็นเรื่องราวของผู้ชายคนหนึ่งนามว่า William Legrand ที่ได้มีความทุกข์ทรมานหลังจากโดนกัดด้วยแมลงและหลังจากนั้น
เขาก็ได้แจ้งกับเพื่อนสนิท ผู้บรรยายให้มาเยี่ยมเขาทันทีที่เกาะซัลลิแวนด์ที่เซาท์แคโรไลน่า เมื่อผู้บรรยายไปถึงแล้ว Legrand
ได้ป่าวประกาศว่าจะไปหาสมบัติที่หายกับคนรับใช้ที่เป็น แอฟริกัน-อเมริกาจากดาวพฤหัส (จูปิเตอร์)




(และมีอีกมากมายหลายเรื่อง)

และยังไม่จบเพียงเท่านี้หลังจากโปได้เสียชีวิตลง โดยหนังสือพิมพ์หลายฉบับได้ตีพิมพ์ว่า
เสียชีวิตเพราะสาเหตุ "ติดเชื้อในสมอง"

น่าจะมาจากการดื่มสุรามากเกินไปแต่บันทึกทางการแพทย์ของโปนั้นไม่อยู่แล้ว หรือหายสาปสูญไปแล้วนั้นเอง หลังจากตรวจ
ที่โรงพยาบาลและหลังจากเขาตื่นเขาก็ได้ตะโกนขึ้นมาว่า "Reynolds! Reynolds!" และไม่มีใครรู้ว่า Reynolds คนนี้คือใคร

หลังจากโปได้เสียชีวิตลงบางหลักฐานก็ได้ชี้ชัดว่าโปได้ตะโกน "Lord, help my poor soul!" แต่บางหลักฐานก็ได้กล่าวว่า
เขาได้ตะโกนกลอนเกี่ยวกับพระเจ้าและซาตาน และหลังจากได้มีการสืบค้นคว้าข้อมูลมากมายนั้นที่ว่าโปตายเพราะติดเหล้ามากเกินไป
และบางคนก็เชื่อว่าเพราะเชื้อโรคเช่น Cholera และ Rabies แต่ทั้งสองอย่างนี้ไม่ได้เป็นที่สำคัญหรือไม่ปรากฏตัวมากในสมัย
ศตวรรษที่ 19 ที่อเมริกา

บางคนก็ได้คิดว่ามีคนฆ่าโป ไม่ว่าจะเป็นนักเลงที่ต่อยเขาจนน่วมหรือศัตรูของตัวโปเอง ยังไม่จบเพียงเท่านั้นทฤษฏีหนึ่งเชื่อว่า
โปคือเหยื่อทางชั้นเชิงการเมืองที่เรียกว่า "Cooping" นั้นก็คือนักการเมืองจะส่งลูกสมุนไปกดดันประชาชนให้ลงคะแนนเสียง
ให้พวกเขาในการเลือกตั้งท้องถิ่น พวกเขามักติดสินบนด้วยเครื่องดื่มและเสื้อผ้าใหม่ที่มีการจัดเตรียมไว้ให้เพื่อ สินบนนี้คือ
ไว้ปกปิดตัวตนของผู้กระทำความผิด และยังมีสาเหตุอีกมากมายที่ได้ออกมา

*และยังมีข้อสังเกตอีกว่าอาจจะเป็นนายแพทย์ Moran มีส่วนเกี่ยวข้องในการตายของโปเพราะมีพฤติกรรมแปลกๆก่อนโปจะเสียชีวิต
เขาเล่าอะไรไม่ค่อยรู้เรื่องแต่อย่างไรก็ตามไม่มีการสืบต่อ .. เพราะบันทึกการแพทย์ได้สูญหายไป*





โปเป็นนักเขียนดาร์กสุดกู่และความตายเป็นเรื่องที่เขาเขียนเป็นประจำ


สร้างความตื่นเต้นให้กับผู้อ่านในปัจจุบันเป็นอย่างมาก แต่หลังจากเสียชีวิตแล้วเรื่องของโปยังไม่จบง่ายๆ หลังจากเขาเสียชีวิต
มีบุคคลลึกลับไปเยี่ยมหลุมศพของโปในบัลติมอร์ (สุสานเวสต์มินสเตอร์ที่มุมถนนฟาเย็ตต์ตัดกับถนนกรีนนี่ในบัลติมอร์ตะวันตก)
ทุกๆปี โดยทุกคนจะเรียกขานกันว่า Poe Toaster เขาสวมชุดดำ ปกปิดใบหน้าด้วยผ้าคลุม มีผ้าพันคอปิดปากปิดจมูก
สวมหมวกสักหลาดถือไม้เท้าเดินเข้าไปที่หลุมศพของโปทุกๆครบรอบวันเกิดของเขา จะดื่มคอนยัคบรั่นดีหนึ่งขวดเพื่อคารวะ
และวางคอนยัคที่เหลือ เครื่องดื่มไว้ครึ่งขวด พร้อมดอกกุหลาบแดง 3 ขวด ไว้หน้าป้ายหลุมศพ


ทำแบบเดียวกันต่อเนื่องตั้งแต่ปี 1949 จนถึง 1993 การมาของเขาคือช่วงเที่ยงคืนถึงตีห้า ในวันที่ 14 มกราคม 1983 มีการ
จัดงานชุมนุมแฟนของโปกว่า 70 คนเพื่อฉลองวันเกิดครบรอบที่ 174 พอถึงเวลาตึหนึ่ง บรรดาคนในงานเหล่านั้นต่างตกใจ
เพราะเห็นร่างของบุคคลลึกลับเลาะไปตามริมรั้วด้านทิศตะวันออก ชายเสื้อคลุมปลิวไสว มีผมสีทอง ถือไม้เท้าเลี่ยมทอง
เหมือนโปชอบใช้ และเมื่อเขาจากไปก็พบบรั่นดีและดอกกุหลาย ต่อมาเขาก็ได้ทิ้งโน้ตเอาไว้ว่า "คบเพลิงจะถูกส่งต่อ"



ทำให้เชื่อว่าเขากำลังจะเสียชีวิต แต่ในปี 1999 ก็ยังมีโน้ตวางไว้ยืนว่าคนเก่าเสียชีวิตแล้วและมีคนต่อไปที่ตามมา
(คนไทยเรียกว่าผู้ดื่มคารวะโป) ไม่มีใครทราบว่าบุคคลลึกลับนี้คือใคร และพวกคนคลั่งไคล้โปก็ไม่อยากให้บุคคลลึกลับนั้น
ถูกเปิดโปง พยายามใช้มาตรการป้องกันคนไปรบกวนศพยามวิกาลและปฏิเสธคำให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับบุคคลลึกลับทั้งหมด



ปริศนาก็กลับมาอีกครั้งในปี 2010 เมื่อบุคคลนิรนามนั้นได้หายไป คอนยัคและกุหลาบไม่มีอีกแล้ว ทำให้หลายคนสงสัยว่า
รุ่นต่อมาหายไปไหน? หรือเขาจะเสียชีวิตและไม่มีรุ่นต่อ?


เจฟ เจอโรม ภัณฑรักษ์ของ "บ้านและพิพิธภัณณ์ของ Edgar Allan Poe" คือคนที่พบเห็นบุคคลลึกลับตั้งแต่ปี 1976
เขาได้กล่าวไว้ว่ารู้สึกสับสนและไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับผู้มาเยือนลึกลับ เจอโรมและกลุ่มเพื่อนของเขาที่ชื่นชอบโป
พากันไปที่สุสานเวสมินสเตอร์ เพื่อจะได้เฝ้ามองบุคคลลึกลับมาทำการดื่มคารวะโปทุกๆปี


เจฟฟรีย์ ซาวอยเปิดเผยว่าปรกติแล้วบุคคลลึกลับจะมาช่วงเที่ยงคืนถึงตึ 5 ของวันที่ 19 (วันเกิดโป) "แต่ในเช้าวันนี้เขาไม่มา"
ซาวอยกล่าว .. การหายไปของบุคคลลึกลับทำให้ผู้มาเฝ้ารอ 50 คนผิดหวัง ขณะเดียวกันก็ยิ่งทำให้ปริศนาของคนๆนี้ดูลึกลับ
เข้าไปอีกและยังมีคนแอบอ้างตัว



ในปี 2007 แซม พอร์โพร่าได้อ้างว่าตนเองคือบุคคลลึกลับ เขาได้กล่าวว่า เขาคิดการกระทำนี้ในปลายทศวรรษ 1960
เพื่อทำให้ผู้คนแปลกใจ แต่เจอโรมในฐานะผู้เฝ้าดูเหตุการณ์ปฏิเศธอย่างหนักแน่นว่าไม่ใช่ฝีมือของพอร์โพร่าแน่นอน
พอร์โพร่าเป็นนักประวัติศาสตร์ในโบสถ์เวสต์มินสเตอร์ เขาอ้างว่าเป็นบุคคลลึกลับเริ่มต้นในปี 1949 เป็นเรื่องที่กุขึ้นมา
หลอกสื่อเพื่อจะนำเงินไปฟื้นฟูโบสถ์ แต่เจอโรมบอกว่ามีหลักฐานจากหนังสือพิมพ์ที่ระบุว่าบุคคลลึกลับมาตั้งแต่ปี 1950
โดยหนังสือพิมพ์ที่ตีพิมพ์คือ "Evening Sun" ในบัลติมอร์ และสิ่งที่พอร์โพร่าเล่าไม่ตรงกับความจริง มีช่องโหว่
และเจอโรมได้กล่าวไว้ว่า

"ใหญ่มากพอที่จะขับรถบรรทุกผ่านเข้าไปได้"

นอกจากพอร์โพร่าแล้วไม่มีใครอื่นที่มาแอบอ้างตนเป็นบุคคลลึกลับที่หายไปแต่ล่าสุดก็มีคนสงสัยว่าบุคคลลึกลับเป็น
กวีชาวบัลติมอร์นามว่า David Frank นี้มีนิสัยหยอกเย้าที่เพิ่งเสียชีวิต




ราฟาเอล อัลวาเรซเพื่อนของแฟรงค์ และเป็นประธานของสมาคม Edgar Allan Poe ในบัลติเมอร์เปิดเผยว่า
แฟรงค์เป็นผู้ที่คลั่งไคล้ตัวโปมาก และยังมีความขี้เล่น (..) ว่าเคยนำส่วนลับในร่างกายเขาเข้าเครื่องถ่ายเอกสาร
ของสำนักงานกองทุนประกันสังคม และนำภาพที่ได้มาแสดง อีกหลายปีต่อมาเข้าแกล้งทำตัวพิการที่นั่งล้อเข็น
ขอรับบริจาคจากคนที่มุงดู ก่อนที่จะบอกขอบคุณและเดินจากไป .. และทั้งอัลวาเรซและเจอโรมก็ยังคงสงสัยในเรื่องนี้
และคิดว่าไม่น่าจะเป็นแฟรงค์


โดยเจอโรมบอกว่าเขาเคยเห็นภาพของแฟรงค์และเขาไม่มีลักษณะคล้ายบุคคลนิรนามที่เจอโรมเฝ้าคอยดูทุกๆปี
ขณะที่อัลวาเรซบอกว่าแฟรงค์ไม่ใช่แฟนกีฬา และมีท่าทีทางการเมืองเอียงไปทางฝรั่งเศสมากกว่าสหรัฐอเมริกา
เรื่องอัลวาเรซพูดถึงหมายถึงโน้ตที่บุคคลลึกลับทิ้งไว้ทุกปี ซึ่งบางปีก็เกี่ยวกับสถานการ์ทั่วไปในโลก เช่นในปี 2001
โน้ตได้กล่าวไว้ว่า "การแข่งขันอเมริกันฟุตบอลซุปเปอร์โบวล์ที่ทีมบัลติมอร์ราเวน (ได้แรงบันดาลใจจากเรื่องสั้นของโป)
จะลงแข่งกับนิวยอร์คไจแอนท์"
ขณะที่ปี 2001 ก็มีพูดถึงคอนยัคฝรั่งเศส โดยหลายคนเชื่อว่าโน้ตในปีนี้เป็นการ
ด่าฝรั่งเศสกรณีที่มีจุดยืนต่อต้านสงครามอิรัก

ในปี 2006 มีผู้สนใจมาสืบว่าตกลงแล้วคือใคร? จนเจอโรมบอกเขารู้สึกไม่ดีที่มีคนมาทำลายความสงบ
ในปี 2007 มีคนมาหลุมศพโป 60 คนรวมถึงคนที่มาจากญี่ปุ่น โดยคราวนี้เจอโรวมบอกว่าผู้เข้าเยี่ยมปฏิบัติดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา
ในปี 2008 ก็เพิ่มขึ้นไปถึง 150 คน


ความสงสัยในตัวทุกคนไม่ได้แปลว่าต้องผันตัวมาเป็นนักสืบ



บางคนสงสัยว่าเจอโรมเองน่าจะรู้ตัวจริงของบุคคลลึกลับมานานแล้วหรือไม่เช่นนั้นตัวเขาเองนั้นแหล่ะที่เป็นบุคคลลึกลับนั้นเอง
เจอโรมปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ถ้าเขาทำเช่นนั้นจริงเขาต้องตกงานแน่ๆ สิ่งที่เขารู้และอยากเก็บไว้เป็นความลับคือแค่ลักษณะ
ท่าทางของผู้มาเยือนหรือบุคคลลึกลับเท่านั้น มีหลายคนถามว่าเจอโรม เหตุใดบุคคลลึกลับไม่มาในปี 2010 เจอโรมกล่าวว่า
เป็นไปได้หลายอย่าง อาจป่วย อุบัติเหตุ หรือรู้สึกว่ามีคนรู้เยอะมากเกินไป เจอโรมตั้งข้อสันนิษฐานไว้อย่างหนึ่งเช่นกันว่า
อาจจะเป็นเพราะปีที่แล้ว 2009 ครบรอบวันเกิด 200 ปีของโปพอดีตัวบุคคลลึกลับถึงเวลาสมควรแล้วที่จะหยุด

"เขาหยุดแล้วจริงหรือ พวกเราไม่รู้ว่าเขาหยุดจริงหรือเปล่าเขาอาจจะแค่ไม่มีในปีนี้เท่านั้นก็ได้"

เจอโรมได้กล่าวทิ้งท้ายไว้

เรื่องราวของ Edgar Allan Poe เป็นแรงบันดาลใจให้กับวัฒนธรรมสื่อยุคใหม่อย่างมากมาย มีการนำ Poe มาเป็นตัวละคร
ในหนังสือการ์ตูนเรื่อง Batman มีการนำเรื่องราวของเขามาเขียนเป็นหนังสือนิยาย และนำสร้างเป็นภาพยนตร์และละครเวที
อีกหลายเรื่อง เป็นสิ่งที่บอกว่าเรื่องราวและความลึกลับของ Edgar Allan Poe  และยังมีเสน่ห์และเป็นที่สนใจของคนในทั่วไป
แม้ว่าจะผ่านมานานมากแล้วก็ตาม





horrorclub.net
freeformbooks.com
theguardian.com


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07 ตุลาคม 2016, 16:36:23 โดย etatae333 »
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่