-->

ผู้เขียน หัวข้อ: The Phantom Killer ภูตผีแห่งเท็กซาร์คานา  (อ่าน 656 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

  • Administrator
  • เทพเจ้าราตรี
  • *
  • กระทู้: 18149
  • Country: th
  • คะแนนจิตพิสัย +9/-0
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • cmxseed
The Phantom Killer ภูตผีแห่งเท็กซาร์คานา
« เมื่อ: 05 กันยายน 2014, 14:57:19 »

The Phantom Killer ภูตผีแห่งเท็กซาร์คานา



มีอะไรบางอย่างที่น่ากลัวเกิดขึ้นในเท็กซาร์คาร์นาของพวกเรา

เท็กซาร์คานา ปี ค.ศ. 1946 เป็นมลรัฐหนึ่งของอเมริกา เป็นศูนย์กลางผลิตไดนาโมและอุตสาหกรรมผลิตไม้,
เฟอร์นิเจอร์, ยางรถ, ท่อน้ำ ชานเมืองเป็นชนบทที่ล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติแสนงดงาม ด้วยมีสำนักงานนายอำเภอ
แยกออกมาช่วยดูแลความสงบของพื้นที่ ในเมืองนี้มีประชากรประมาณ 60,000 คน คนส่วนใหญ่เป็นมิตร
ขยันทำงาน ชอบขี่ม้า รวมไปถึงมีความภาคภูมิใจในประวัติศาสตร์ที่มียาวนานของพวกเขา

แต่แล้วในปี 1946 นี้เองผู้คนในเมืองเท็กซาร์คาร์นาต้องขวัญผวา!!

เมื่อมีสิ่งที่พวกเขาอธิบายไม่ได้กำลังอาละวาดฆ่าคนเป็นว่าเล่น โดยไม่สามารถตอบได้ว่า มันฆ่าคนเพราะอะไร
มันเป็นใครกันแน่ แต่มันได้สร้างตำนานในเมืองแห่งนี้จนหลายคนยากที่จะลืมเลือน...... 
 
   
เดอะ แฟนธ่อม คิลเลอร์ (The Phantom Killer)
 
เดอะ แฟนธ่อม คิลเลอร์ หรือ แฟนธ่อมแห่งเท็กซาร์คานา(The Texarkana Phantom) 
เป็นฉายาฆาตกรต่อเนื่องปริศนาที่เชื่อกันว่ามันฆ่าเหยื่อไปทั้งสิ้น 5 ราย และบาดเจ็บไป 3 ราย
ในมลรัฐอาร์คันซอและมลรัฐเท็กซาร์คาร์นาในช่วงวันที่  23 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1946 ถึง
วันที่ 4 พฤษภาคม ค.ศ. 1946 นอกจากนี้มันยังมีฉายาอีกชื่อคือ
นักฆ่าแสงจันทร์(The Moonlight Murderer)


เนื่องจากฆาตกรคนนี้จะออกอาละวาดปฏิบัติการฆ่าคนในช่วงพระจันทร์เต็มดวงและมีข่าวลื่อว่าเขาจะไม่โจมตีในคืน
พระจันทร์ไม่เต็มดวง พฤติกรรมของฆาตกรรายนี้จะมีพฤติกรรมคล้ายๆ กับ โซติแอค เดอะ คิลเลอร์ ฆาตกรปริศนาอีกราย
ที่เริ่มออกอาละวาด ปี ค.ศ. 1966  คือมีนิสัยชอบแอบดอดเข้าไปฆ่าหนุ่มสาวที่จู๋จี๋กันในรถยนต์ที่จอดข้างทาง
ไกลหูไกลตาชาวบ้าน



คดีนี้เริ่มขึ้นเมื่อวันที่  23 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1946 ในตอนเย็นวันนั้น จิมมี่  ฮอลลิส ชายหนุ่มอายุ 24 ปี และ
แมรี่ แจนน์ ลาเรย์ เพื่อนสาวอายุ 19 ปี กำลังนั่งอยู่ในรถออกเดทกันตามประสาวัยรุ่น จิมมี่เป็นขับ เพื่อหาพื้นที่
เหมาะสำหรับจู๋จี๋ร่วมกัน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติของวัยรุ่นหนุ่มสาวของอเมริกัน จนในที่สุดจิ่มมี่ก็มาหยุดลงที่ข้าง
ทางหลวงในเมืองเท็กซาร์คาร์นา

จิ่มมี่ทำการดับเครื่องยนต์ เขามองนาฬิกาข้อมือของเขาขณะนั้นเข็มนาฬิกาชี้ไปที่ 11:45 นาฬิกาของเวลาค่ำ
เขาทำการขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะเขาสัญญากับพ่อว่าเขาจะต้องกลับบ้านก่อนเวลาเที่ยงคืน ในเวลานั้นพระจันทร์
กำลังเต็มดวงอย่างสวยงาม แสงจันทร์ส่องระยิบระยับกระตุ้นให้เลือดและอารมณ์ของจิมมี่พุ่งพล่านบวกกับกลิ่นน้ำหอม
ของเพื่อนหญิงที่แตะจมูกจนเขาอดไม่ได้ที่เอียงข้างเพื่อหอมเธอ

ที่จอดรถของจิ่มมี่ไม่ใช้ทางเปลี่ยวเลยสักนิด รถจอดข้างทาง มีรถไหลผ่านเป็นครั้งคราว แต่ในที่สุดแล้วมันก็
เป็นเรื่องจนได้  หลังจากสองหนุ่มสาวนั้นจูบกันพักใหญ่ พวกเขาก็ได้ยินเสียงคนเดินมาที่รถของพวกเขา
และได้เผชิญหน้ากับมัน

มันเป็นเงาของผู้ชายประหลาดคนหนึ่งที่เดินมาจากพุ่มไม้ป่าเล็กๆ ข้างทาง มันเดินตรงมาที่รถ ทั้งสองมองดู
ชายคนนั้นก็รู้ทันทีว่าชายคนนี้ไม่ได้มาดีแน่ เขาสวนหมวกไอ้โม่งเพื่อปิดใบหน้าเหมือนเป็นหน้ากากแบบเจาะรู
ที่ดวงตา, จมูกและปาก แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นคนผิวขาวหรือผิวดำ และที่สำคัญที่สุดคือเขาถือปืนพก!!

ชายคนนั้นเข้ามาใกล้หนุ่มสาวที่นั่งอยู่บนรถและชักขู่ด้วยปืนและพูดว่า
ฉันไม่ต้องการจะฆ่าพวกนาย ลงจากรถเดี๋ยวนี้!

ชายคนนั้นบังคับให้จิมมี่และแมรี่ออกจากรถ หนุ่มสาวกลัวจนตัวสั่นพร้อมกับอ้อนวอนขอให้ชายลึกลับคนนั้น
เมตตาพวกเขา "เอาเงินไปหมดเลยแต่ขอร้องไว้ชีวิตพวกเราด้วย"
"ทำตามที่ฉันพูด ไม่งั้นพวกคุณเจ็บตัวแน่" ชายปริศนาเอ่ยปาก ทำนองข่มขู่

จิมมี่ปากสั่น "คุณต้องการอะไร กระเป๋าเงินของพวกเรา? หรือรถยนต์?"
ชายคนนั้นได้ยินและหัวเราะเบาๆ ก่อนที่จะตอบว่า "ผู้หญิงของนาย"
"ฉันจะไม่!" จิ่มมี่ตอบสนอง แต่แล้วชายคนนั้นก็ใช้ปืนหวดใส่เขาอย่างรุนแรงสามครั้ง
"ขอร้อง!!อย่าทำให้ฉันต้องฆ่านาย " จากนั้นชายคนนั้นก็ทำร้ายจิ่มมี่ เด็กหนุ่มก็ถูกชายลึกลับคนนั้น
ตีสองครั้งด้วยอาวุธที่ทื่อและหนัก ชายลึกลับหยุดมือเพราะแน่ใจว่าชายหนุ่มคนนี้คงจะไม่มีแรงที่จะขัดขืน
เขาอีกแล้ว จากนั้นมันก็เตรียมตัวที่จะลงมือข่มขืนแมรี่ มันจับผู้หญิงแน่น มืออีกข้างหนึ่งเอาปืนขู่ กลิ่นหายใจ
ของมันรดหญิงสาวเหมือนวัวตัวผู้กำลังตกมัน  มือของมันซอนไซไปที่ชายเสื้อและชุดชั้นในของหญิงสาว
แต่มันก็ทำอะไรไม่ได้มาก เมื่อแสงไฟจากแฟลซรถคนอื่นที่กำลังผ่านมาปะทะที่ใบหน้าของมันจนสว่างจ้า
รถผ่านมาดับเครื่องยนต์เพื่อมองให้ชัดๆ ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น ชายลึกลับคนนั้นตกใจและถอยห่างออกมาจากหญิงสาว
มันบิดไปบิดมา ทำท่าเหมือนไม่พอใจที่มีตัวขัดขวางความสุขของมัน มันส่งเสียงครางพร้อมสาปแช่ง

และสุดท้ายมันตัดสินใจที่จะล่าถอยเข้าไปในป่าข้างทางหายไปในความมืดราวกับว่ามันล่องหนไปจากโลกอย่างใดอย่างนั้น
เพราะมีคนมาช่วยไว้ทันนั้นเอง ที่ทำให้จิมมี่และแมรี่รอดมาได้ แม้จิมมี่จะบาดเจ็บต้องรักษาอยู่นานหลายสัปดาห์ก็ตาม
คู่รักสองคนให้ปากคำว่า ชายลึกลับที่มาทำร้ายพวกเขามีร่างกายสูงใหญ่ประมาณ 6 ฟุต(180 เซนติเมตร)
จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุในเวลาต่อมา ตำรวจพบรอยเท้ายาวประมาณ 1.8 m บวกกับคำให้การของคนทั้งสอง
ได้บ่บอกผู้ร้ายรายนี้มีลักษณะคร่าวๆ โดยบอกว่าเขาสูงประมาณหกฟุต สวมผ้าครอบใบหน้ามีการเจาะรูที่ตาและปาก

 
   
แฟนธ่อมจากปากคำของจิมมี่  ฮอลลิส และแมรี่ แจนน์ ลาเรย์



เหตุการณ์ของ จิมมี่และแมรี่ถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของแฟนธ่อมก็ว่าได้ ดูเหมือนว่าการที่คนอื่นมาขัดขวางความสุขของมัน
จะกลายเป็นตัวกระตุ้นให้มันเกิดอาการบ้าเลือดอยากฆ่าคนขึ้นมา เพราะหลังจากที่เหตุการณ์นั้นผ่านพ้นไป
บรรดาเหยื่อรายต่อๆ มาของแฟนธ่อมต้องมาตายอย่างสยดสยองด้วยน้ำมือของฆาตกรรายนี้ทั้งสิ้น


หลังจากคดีนี้ผ่านพ้นไปช่วงระยะหนึ่ง หลายคนก็ลืมคดีนี้อย่างสิ้นเชิญ ค่ำคืนที่เท็กซาร์คาร์นากลับสวยงามเหมือนเดิม
สนามหลังบ้านเรือนใกล้เคียงต่างปลูกต้นกุหลาบประชันความสวยงามจนกลายเป็นอาหารตาแก่ผู้พบเห็น เช่นเดียวกับไนต์คลับ
บาร์ที่เคร่งระเบียบวินัยที่ประดับไฟหลากสีสันยั่วยวนให้นักเดินทางแวะเวียนมาใช้บริการร้านสักครั้ง ทั้งหมดเหล่านี้ทำให้
ชาวเมืองเท็กซาร์คาร์นาทุกคนต่างภูมิใจที่เมืองของพวกเขาปลอดภัย ผู้คนสามารถเที่ยวกลางคืนได้อย่างปราศจาก
ความหวาดกลัวจากภัยอันตรายต่างๆ นาๆ เหตุการณ์ชายปริศนาโจมตี จิมมี่และแมรี่ได้ผ่านพ้นไปแล้ว ตำรวจลงความเห็นว่า
คงเป็นโจรกระจอกขโมยรถธรรมดาที่เกิดหน้ามืดอยากข่มขืนผู้หญิงแต่พลาดเพราะมีคนขัดจังหวะ ตำรวจเองไม่สนใจคดีนี้มากนัก
และคดีก็เงียบหายพร้อมกับกาลเวลา

ในตอนเช้าวันอาทิตย์ที่ฝนตกลงมาอย่างไม่ขาดสาย  ของวันที่ 24 มีนาคม ปีเดียวกัน หนึ่งเดือนให้หลังของคดีโจมตี
จิมมี่และแมรี่ ชายคนหนึ่งกำลังขับรถเดินทางไปตามถนนของเท็กซาร์คานาอ เขาก็ได้สังเกตรถเก๋งคนหนึ่งจอดอยู่บน
ข้างทางที่เต็มไปด้วยโคลน บนถนนชานเมืองเท็กซาร์คาร์นา โบวีเคาน์ตี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเขตเท็กซาร์คานา
ด้วยความเป็นพลเมืองดีเขาคิดว่ารถคนนั้นติดโคลน เขาเลยชะลอรถเกือบเขาไปดูใกล้ๆ เขาเห็นชายหญิงสองคนอยู่ในรถ
และดูเหมือนว่านอนหลับ หากแต่เขาก็รู้ทันทีเลยว่าชายหญิงคู่นั้นตายแน่นอน
 
   
ริชาร์ด กริฟฟิน และพอลลี แอน มูร์



เจ้าหน้าที่รีบมาที่เกิดเหตุศพชายหญิงในรถถูกระบุทันทีว่าเป็น นาย ริชาร์ด กริฟฟิน อายุ 29 ปีเพิ่มออกจากกองทัพเรือ
และพอลลี แอน มูร์ ลูกจ้างอายุ 17 ปี ที่ออกเดตด้วยการขับรถยนต์ไปกระหนุงกระหนิงตามแถบชนบท
ก่อนที่จะหายไปทั้งคืน ก่อนที่จะมาพบศพเมื่อเช้านี้เอง


ร่างของกริฟฟินอยู่ที่นั่งด้านหน้า กระเป๋ากางเกงถูกถลกออกมาข้างนอก เขาตายเพราะถูกยิงที่ศรษะสองนัดหลังด้วย
ปืนพก .32 รีโวลเวอร์ ส่วนร่างของมูร์อยู่ที่เบาะหลัง ตายด้วยปืนพก .32 รีโวลเวอร์ยิงที่หลังศีรษะเช่นกัน กระเป๋าข้าง
เธอถูกเปิดออก แหวนที่เธอได้จากงานฉลองเรียนจบยังคงสวมอยู่ในนิ้วมือเธอ และมีร่องรอยถูกล่วงละเมิดทางเพศ
 มีการพบรอยเลือดสาดกระเซ็นบนพื้นห่างจากที่รถยนต์จอดไปประมาณหกเมตร เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าพวกเขาทั้งสอง
คงถูกฆ่านอกรถและถูกจับยัดกลับเข้าไปในรถใหม่ เวลาฆาตกรลงมือน่าจะเป็นเวลากลางคืน และน่าจะเป็นการปล้นฆ่า
ส่วนร่องรอยหลักฐานต่างๆ เช่นรอยนิ้วมือยากต่อการสืบค้นเพราะฝนที่เทลงอย่างหนักในช่วงกลางคืนที่ตกมานาน
หลายชั่วโมงได้ทำลายหลักฐานไปจนหมดสิ้น

นี้เป็นการฆาตกรรมครั้งแรกของแฟนธ่อม คิลเลอร์ แต่มันแย่กว่านั้นเมื่อมีเหยื่อที่ต้องสังเวยให้กับมันหลายราย
ตามมาแบบไม่ขาดสาย
 
   
พอล มาร์ติน และ เบ๊ตตี้ โจ บุ๊กเกอร์



 
วันที่ 13 เมษายน พอล มาร์ตินอายุ 17 ปี และ เบ๊ตตี้ โจ บุ๊กเกอร์ เพื่อนสาวผู้รักเสียงเพลงและนักเล่นแซกโซโฟน
วัย 15 ปีของพอล ได้ขับรถไปเที่ยวงานเลี้ยงกลางคืน แต่กระนั้นทั้งคู่ก็ได้ตัดสินใจจอดรถเพื่อจู๋จี๋ที่สวนสาธารณะใกล้
ทะเลสาบสปรred่อน ซึ่งสวนสาธารณะแห่งนี้เป็นที่นิยมของประชาชนมักไปปิกนิกกันในช่วงวันหยุด 
เวลานั้นเป็นเวลาประมาณ 01:00 ไม่มีคนอยู่บริเวณนี้แน่นอน


ส่งผลพอล มาร์ติน และ เบ๊ตตี้ โจ บุ๊กเกอร์กลายเป็นเหยื่อฆาตกรรายที่สามและสี่ของแฟนธ่อม คิลเลอร์ในที่สุด
รุ่งเช้าของวันที่ 14 ศพของมาร์ติน ถูกพบเมื่อเวลาหกโมงโดยครอบครัวที่กำลังเดินผ่านสวน พวกเขาเห็นร่างของ
ชายหนุ่มนอนข่างถนน เขาเลยแจ้งไปให้เจ้าหน้าที่ทราบ เมื่อนายอำเภอและเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ มาถึง พวกเขาก็พบ
ชายหนุ่มที่ตายแล้ว ถูกยิงสี่นัด คอ, ใบหน้า, หน้าอก, และไหล่ ด้วยปืนปืนพก .32 รีโวลเวอร์ ศพของมาร์ติน
ห่างจากรถของเขาประมาณครึ่งไมล์(รถจอดไว้ที่จอดรถ)ใกล้ทางหลวงทางไปชนบท

แต่กระนั้นพวกเขาไม่ก็พบนางสาวบุ๊กเกอร์ เธออยู่ที่ไหน?

เจ้าหน้าที่จัดกำลังในเพื่อทำการค้นหานางสาวบุ๊กเกอร์ จนกระทั้งพบศพของบุ๊กเกอร์เมื่อเวลา 11:30 น. นอนกอง
อยู่ริมขอนไม้ห่างจากรถของมาร์ตินไปอีก 2 ไมล์ และเสื้อกันหนาวยังอยู่ครบ เธอถูกยิงที่หน้าอกและใบหน้า
ด้วยปืน 32 รีโวลเวอร์  ซึ่งอาวุธเดียวกับที่สังหาร ริชาร์ด กริฟฟิน และแอน มูร์ และจากการตรวจทรัพย์สินภายในรถ
ของมาร์ตินพบว่าแซกโซโฟนของนางสาวบุ๊กเกอร์ได้หายไป คาดว่าฆาตกรคงนำไปติดมือไปด้วย
 
   
จุดที่พบศพของพอล มาร์ติน และ เบ๊ตตี้ โจ บุ๊กเกอร์


 
คดีนี้โด่งดังและครึกโครมอย่างมาก เพราะเรื่องของฆาตกรต่อเนื่องปริศนานี้เป็นที่สนใจของประชาชนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
บวกกับพฤติกรรมของมันที่ชอบฆ่าหนุ่มสาวนักรัก ทำให้นักข่าวหนังสือพิมพ์เท็กซาร์คานากาแซตได้ตั้งชื่อฆาตกร
คนนี้พาดหัวว่า  แฟนธ่อมแห่งเท็กซาร์คาร์นา  มีการตั้งรางวัลกว่า 5,000 ดอลลาร์เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วม
ในการหาเบาะแสฆาตกรรายนี้เพ่อนำตัวมาลงโทษให้ได้

มาถึงตอนนี้ประชาชนพลเมืองเท็กซาร์คาร์นา เริ่มอยู่ในอาการตื่นตกใจหวาดกลัว ผู้อยู่อาศัยบริเวณที่ฆาตกร
ปรากฏตัวเริ่มหาซื้อปืนพก ปิดประตูบ้านแน่นหนามิดชิด บ้างก็ปรับปรุงที่อยู่อาศัยให้แข็งแกร่งขึ้น และไม่ออก
จากบ้านตอนกลางคืน ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เริ่มตั้งด่านตรวจในถนนเปลี่ยวและย่านคู่รักที่ไปจู๋จี๋กัน
ทำให้แฟนธ่อมเริ่มลงมือฆ่าคนยากขึ้น แต่กระนั้นไม่ก็ไม่ละความพยายาม

มันเลยเปลี่ยนยุทธวิธีเสียไหม!!
 
   
แฟนธ่อมในภาพยนตร์


 
วันที่ 4พฤษภาคม ปีเดียวกัน ในช่วงกลางคืน ทางตะวันตกเฉียงใต้ในเขตมิลเลอร์เคาน์ตี ในมลรัฐอาร์คันซอ 12 ไมล์
ก่อนจะถึงเท็กซาร์คาร์นา เกษตรกรเวอร์กิล สตาร์ก อายุ 36 ปีกำลังนั่งเล่นอย่างสบายใจบนเก้าอี้หลังจากทำงานหนัก
ในฟาร์มมาทั้งวัน อาหารเย็นที่เสิร์ฟบนโต๊ะและอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ใกล้กับเครื่องทำความร้อนไฟฟ้าอย่างอบอุ่น
เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ แต่ความสงบสุขนั้นถูกทำลายอย่างรวดเร็วเมื่อจู่ๆ ฆาตกรที่แอบซุ่มอยู่ด้านนาอกได้ยิงกระสุน
ผ่านหน้าต่างห้องรับแขกสองครั้งเพื่อฆ่าเขา เคธี สตาร์ก อายุ35 ปี ภรรยาของเวอร์กิลที่กำลังนอนอยู่ในห้องนอน
ฟังวิทยุนั้นได้ยินเสียงแก้วแตก เธอออกจากห้องนอนและตรงลงมาที่ห้องรับแขก และแล้วฆาตกรที่อยู่ข้างนอกเห็นเธอ
ก็ยิงปืนใส่เธอจากนอกบ้านสองครั้งกระสุนเข้าที่หน้าและปากของเธอแต่แค่เฉี่ยวและเธอหลบกระสุนได้
ก่อนที่จะหนีออกจากที่เกิดเหตุเพื่อขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านใกล้เคียง


เคธี สตาร์ก ได้รับความช่วยเหลือส่งตัวไปโรงพยาบาลและรอดชีวิตมาได้ จากนั้นก็มีการส่งทีมไล่ล่าฆาตกรทำการ
ค้นหาบริเวณที่เกิดเหตุ หากแต่สุดท้ายแล้วก็ไม่พบตัวฆาตกร ซึ่งหายตัวเหมือนกับล่องหน ทิ้งไว้แต่รอยเท้าย่ำบน
โคลนปรากฏอยู่บนพื้นดิน รอยเท้านั้นย่ำไปรอบๆ บริเวณบ้าน

จากการตรวจสอบรอยและวิถีกระสุนจากบาดแผลของสตาร์ก พบว่ามันมาจากกระสุนจากกระบอกปืน.22 กึ่งอัตโนมัติ
ซึ่งไม่ใช้32 รีโวลเวอร์  ซึ่งเป็นอาวุธที่ฆาตกรใช้ในการฆาตกรรมต่อเนื่องก่อนหน้า แต่กระนั้นคดีฆาตกรรมเวอร์กิล สตาร์ก
ก็เชื่อมโยงว่าเป็นฝีมือของแฟนธ่อมในที่สุด



วันที่ 6 พฤษภาคม ปีเดียวกัน มีการพบศพของชายคนหนึ่งในรางรถไฟทิศเหนือของเท็กซาร์คาร์นา จากการตรวจสอบ
หลักฐานของผู้ตายพบว่า ชายคนนี้ชื่อเอิร์ล แม็ตสเปดเดน อย่างไรก็ตามคดีนี้นี้ตำรวจไม่สามารถพันธงได้ว่าเป็นฝีมือ
ของแฟนธ่อมหรือไม่เพราะสาเหตุการตายของแม็ตสเปดเดนคือถูกของที่มีคมแทงตาย ก่อนศพของเขาจะถูลากมา
วางบนรางรถไฟ ซึ่งแตกต่างจากวิธีฆ่าเหยื่อของแฟนธ่อมก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง หากแต่ระยะเวลาและเกิดขึ้นในพื้นที่
เท็กซาร์คาร์นาเท่าให้ประชาชนจำนวนหนึ่งยังคงเชื่อว่า แม็ตสเปดเดนเป็นหนึ่งในเหยื่อของแฟนธ่อมในที่สุด

มีการวิเคราะห์แฟนธ่อม คิลเลอร์ว่าฆาตกรคดีนี้ว่านอกเหนือจากจะมีนิสัยเลือดเย็นแล้ว ฆาตกรน่าจะมีประวัติโดน
ผู้หญิงหักอก และมีความอิจฉาริษยาผู้ชายที่ประสบผลสำเร็จในเรื่องความรัก การฆ่าของฆาตกรรายนี้ไม่ใช่เพื่อความ
พึ่งพอใจทางเพศ แต่เขาฆ่าระบายเพื่อระบายความโกรธของเขามากกว่า

แม้คดีนี้จะเป็นปริศนา แต่ก็มีผู้ต้องสงสัยคนสำคัญหลายรายที่ตำรวจสงสัยเหมือนกัน โดยผู้ต้องสงสัยที่ตำรวจสงสัยที่สุด
คือ ยูล สวีนนีย์ อายุ 29 เป็นนักขโมยรถ,ปลอมแปลงเอกสาร.ย่อมเบาและทำร้ายถูกอื่นในเมืองเท็กซาร์คาร์นาถูกจับกุม
เมื่อเดือนมิถุนายน 1946  โดยตอนแรกตำรวจไม่สงสัยสักนิดว่าสวีนนีย์เป็นแฟนธ่อมฆาตกรโรคจิตที่ชอบฆ่าหนุ่มสาว
หากแต่ภรรยาของสวีนนีย์ได้ให้การใส่ร้ายสามีตนเองว่า สามีคือแฟนธ่อม โดยอ้างว่าเธออยู่กับสามีตลอดในระหว่างที่
สามีทำการฆาตกรรมเหยื่อในคดีของแฟนธ่อม จากนั้นเธอก็เล่ารายละเอียดเกี่ยวกับการฆ่าเหยื่อของสามี   

อย่างไรก็ตามตำรวจไม่ค่อยเชื่อปากคำของเธอเท่าไหร่นัก เพราะหลายจุดที่เธอตอบไม่ตรงกับข้อมูลที่ตำรวจรู้
ทางด้านสวีนนีย์เองก็ถูกสอบสวนในคุกที่ ลิตเติ้ล ร็อคแต่ผลสุดท้ายความผิดของเขาที่ได้รับมีเพียงข้อหาขโมยรถ
ในเท็กซัสและปลอมแปลงเอกสารเท่านั้น และถูกพิพากษาให้จำคุกตลอดชีวิต ในปี ค.ศ. 1947
ในช่วงนี้เองที่แฟนธ่อมก็หายหน้าหายตา ไม่ออกมาฆ่าคนอีกเลย
 
 
ยูล สวีนนีย์ ผู้ต้องสงสัยคนสำคัญ


 
ในปี 1970 สวีนนีย์ยื่นคำร้องขอให้ปล่อยตัวเขา ผลคือคำร้องของเขาถูกตอบรับ และเขาถูกปล่อยตัวในปี1947
และเขาในตายปี 1994 ส่วนคดีของแฟนธ่อมไม่ถูกนำกลับไปพิจารณาหรือสอบสวนอีกหลาย คดีถูกปิดแฟ้ม
หลังจากสวีนนีย์แม้ว่าในปี 2006 คดีนี้ถูกนำไปปัดฝุ่นและพิจารณาคดีใหม่หากแต่ก็สายเกินไปแล้ว
เพราะพยานและผู้ต้องสงสัยหลายรายไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้ว




เรื่องราวของแฟนธ่อม คิลเลอร์ถูกนำไปดัดแปลงลงสื่อต่างๆ มากมาย นักเขียนวิลเลียม ที รัสมุสเซ่น) ได้เขียน
นิยายเรื่อง Corroborating Evidence II (2006) ซึ่งมีเนื้อหาคล้ายกับเรื่องของแฟนธ่อมแห่งเท็กซาร์คาร์นา
และ โซติแอคฆาตรกรต่อเนื่องแห่งแคลิฟอร์เนีย ในช่วงปี 1960 และ 1970

<a href="http://www.youtube.com/v/JOTOxk1naC4" target="_blank" class="new_win">http://www.youtube.com/v/JOTOxk1naC4</a>

และก็ยังมีหนังหนัง The Town That Dreaded Sundown (1977) ของบริษัทอเมริกันอินเทอร์แนเชินนัลพิกเชอส์
เป็นหนังสืบสวนสอบสวนที่มีเรื่องของฆาตกรแฟนธ่อมโดยเฉพาะ

<a href="http://www.youtube.com/v/ioE2OA9R8oc" target="_blank" class="new_win">http://www.youtube.com/v/ioE2OA9R8oc</a>

เพลง Texarkana Moonlight ของวงดนตรี "เดอะแบดดีเทกทีฟส์" มีเนื้อหาเกี่ยวกับเหตุการณ์ฆาตกรรมครั้งนี้

cradit : cammy@dek-d
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06 กันยายน 2014, 11:31:58 โดย etatae333 »
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่