-->

ผู้เขียน หัวข้อ: ลุ้นเดือนพ.ค.ทะลุ1,600จุด ธปท.หั่นดอกเบี้ย  (อ่าน 531 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ka12345

  • รอง Global Moderator
  • แอบจิต
  • *
  • กระทู้: 15
  • คะแนนจิตพิสัย +0/-0
    • ดูรายละเอียด

ฟันด์เมเนเจอร์มองแนวโน้มตลาดหุ้นไทยเดือนพ.ค. "ขาขึ้น" ลุ้นทะยานเหนือ 1,600 จุด ทองคำหมดเสน่ห์ จับตา กนง.หั่นดอกเบี้ย อุ้มส่งออก


ภาพรวมการลงทุนตลาดหุ้นไทยในเดือนเม.ย.ยังคงผันผวนในช่วงขาขึ้น ขณะที่ราคาทองคำปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง จากเดิมที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย กลับกลายเป็นสินทรัพย์ที่ไม่น่าลงทุนมากนัก ในช่วงเทศกาลสงกรานต์บ้านเรา ราคาทองดำดิ่งลง 260 ดอลลาร์ โดยเมื่อวันที่ 12 เม.ย.ราคาทองอยู่ที่ 1,580 ดอลลาร์ หลังเปิดตลาดวันที่ 17 เม.ย.ราคาทองร่วงลงมาแตะ 1,320 ดอลลาร์ จากความกังวลธนาคารกลางไซปรัสเทขายทอง เศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัว กองทุนอีทีเอฟทยอยขายทองออกมาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม แรงซื้อกลับในช่วงปลายเดือนเม.ย. จากการที่ธนาคารกลางทั่วโลกยังคงใช้นโยบายการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าระบบ ช่วยหนุนให้ราคาทองยืนเหนือระดับ 1,400 ดอลลาร์ได้สำเร็จ
ขณะที่ค่าเงินบาทในเดือนเม.ย.ปรับตัวแข็งค่าต่อเนื่อง จากเงินทุนไหลเข้า ที่เข้ามาลงทุนในตลาดตราสารหนี้และตลาดหุ้น ทำให้ค่าเงินบาทแข็งประมาณ 6% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2555 โดยค่าเงินบาทปรับตัวแข็งค่าสุดที่ 28.55 บาท/ดอลลาร์ สูงสุดในรอบ 16 ปี

นายมนรัฐ ผดุงสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน ฝ่ายจัดการลงทุน บลจ. ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) ให้ความเห็นว่า ในเดือนพ.ค. นักลงทุนต้องจับตา หากเป็นปัจจัยต่างประเทศ ตัวเลขเศรษฐกิจของอเมริกาและจีน ว่าจะออกมาแข็งแกร่งมากน้อยแค่ไหน เพราะจะเป็นตัวเลขชี้นำเศรษฐกิจโลก รวมทั้งความไม่สงบบนคาบสมุทรเกาหลี หากมีการปะทะเกิดขึ้น สินทรัพย์เสี่ยงเช่นหุ้น จะมีแรงเทขายและเงินจะกลับไปสู่ตราสารหนี้สกุลดอลลาร์ หนุนค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าทันที

ส่วนปัจจัยในประเทศจะอยู่ที่การกดดันธปท.ว่ามีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายหรือไม่ ในการประชุมวันที่ 29 พ.ค. หากลดจริง ตลาดหุ้นไทยจะได้ผลดีมากขึ้น

"ตลาดหุ้นไทยในเดือนพ.ค.น่าจะขึ้นไปทะลุ 1,600 จุด แต่หลังจากดัชนีขึ้นไปใกล้ 1620 จุด นักลงทุนควรที่จะระมัดระวังการลงทุนเพราะ P/E ขยับสูง 14 เท่า เกิดความเสี่ยงว่าตลาดหุ้นแพงเกินไป"

สำหรับการลงทุนทางเลือกทองคำยังไม่น่าสนใจคาดราคาปรับฐานลงไปถึง 1,280-1,300 ดอลลาร์/ออนซ์ เพราะยังมีความเสี่ยงจากธนาคารกลางในกลุ่มประเทศยุโรปจะเทขายทองคำออกมาอีกจึงไม่แนะนำลงทุน

ส่วนตราสารหนี้สามารถลงทุนได้ เพราะดอกเบี้ยขาลงบวกกับการเตรียมตัวลงทุนภาคเอกชนตาม ภาครัฐทำให้ต้องมีการหนุนสภาพคล่องไว้ซึ่งหุ้นกู้เอกชนจะมีผลตอบแทนดี 5-8% เช่นเดียวกับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์

นายวิญญู ศรีวิริยานนท์ ผู้จัดการกองทุนอาวุโส บลจ. วรรณ กล่าวว่า ให้น้ำหนักลงทุนในหุ้นมากที่สุด เพราะมีปัจจัยหนุนจากผลประกอบการจะทยอยออกมา ซึ่งกลุ่มสื่อสาร และอสังหาริมทรัพย์ ยังมีแนวโน้มกำไรเติบโตต่อเนื่อง ตัวเลขเศรษฐกิจของไทยไตรมาส 1 ปี 2556 ยังต่อต่อเนื่อง เงินเฟ้อที่ยังต่ำกว่าเป้าหมายธปท. มีโอกาสที่ดัชนีขึ้นไปทดสอบ 1,600 จุด แนะนำให้ลงทุนเลือกหุ้นพื้นฐานดีรับผลประกอบการ

อย่างไรก็ตาม ความกังวลเรื่องมาตรการเงินบาทของทั้งทางธปท. และกระทรวงการคลัง ที่ยังไม่แน่นอนว่าจะออกมารูปแบบไหนและใช้ยาแรงด้วยหรือไม่ ทำให้เกิดความไม่แน่นอนในตลาดหุ้น กลายเป็นปัจจัยลบต่อการลงทุน

ขณะที่การลงทุนในทองคำถือว่าเป็นการลงทุนที่ไม่น่าสนใจที่สุดในสินทรัพย์ทางเลือกช่วงนี้ เพราะราคาทองคำมีโอกาสหลุด 1,400 ดอลลาร์ และใช้เวลาอีกนานจะกลับมายืนเหนือ 1,600 ดอลลาร์ จากแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจกลุ่มยุโรปด้วยการขายทองคำออกมาของอิตาลีหรือกรีซ หลังไซปรัสทำไปแล้ว จึงแนะนำให้ลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาวแทนรับกับดอกเบี้ยขาลง รวมทั้งกองทุน อสังหาริมทรัพย์ ที่ให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกัน

ขอบคุณ : กรุงเทพธุรกิจ[/size]