-->

ผู้เขียน หัวข้อ: เล่าเรื่องขนหัวลุกจากปทุมธานี  (อ่าน 675 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

don

  • บุคคลทั่วไป
เล่าเรื่องขนหัวลุกจากปทุมธานี
« เมื่อ: 31 กรกฎาคม 2008, 00:55:35 »

"สมพงษ์" เล่าเรื่องขนหัวลุกจากปทุมธานี

"พระพยอมเผย พบเงินสดเป็นล้านกับทองคำเส้นโตใน หัวเตียง ที่บริจาคให้วัดสวนแก้ว! ประกาศให้ทายาทนำหลักฐานมารับ คืนด่วน!"

เชื่อว่าท่านผู้อ่านส่วนมากคงจะได้พบข่าวน่าตื่นเต้น แล้ว...เรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงเหตุการณ์คล้ายๆ กันเมื่อราว 20 ปีมาแล้ว เกิดขึ้นที่จังหวัดปทุมธานี...ทั้งน่ากลัวและน่าสยดสยองพองขนไม่มีวันลืมเลือน

เพื่อความเหมาะสม ผมจะไม่เอ่ยถึงรายละเอียดของสถานที่และบุคคลผู้เกี่ยวข้อง นอกจากเรื่องราวน่าขนหัวลุก ดังนี้

"ยายขาว" เป็นหญิงชราข้างบ้านวัย 70 เศษ รูปร่างผอมสูง ผิวคล้ำ ผมทรงดอกกระทุ่มขาวโพลน ชอบนุ่งผ้าลายเก่าๆ สวมเสื้อคอกระเช้าสีปูนแห้ง เคี้ยวหมอกหยับๆ ติดปากอยู่เสมอ...สิ่งที่สะดุดตาก็คือใบหน้าแข็งกระด้าง ปากบางเฉียบ นัยน์ตาเยือกเย็นดูน่ากลัวเหมือนตางู หรือก้อนหินใสๆ ที่ไม่มีวี่แววใดๆ ทั้งสิ้น

แกอาศัยอยู่ในบ้านเก่าๆ ชั้นเดียวริมรั้วที่มีต้นไม้ร่มครึ้ม ลูกๆ หลานๆ อยู่บ้านหลังใหญ่สองชั้น ไม่ใช่ว่ายายขาวถูกทอดทิ้ง แต่แกเองที่ไม่อยากอยู่กับลูกๆ ไม่ชอบสุงสิงกับหลานๆ ทั้งหญิงและชาย

วันๆ ถ้าไม่เก็บตัวเงียบอยู่ในบ้าน ยายขาวก็มักจะออกมาคุ้ยเขี่ยกองขยะที่ชาวบ้านนำมาทิ้งกันทุกวัน...เป็นที่รู้กันว่ายายขาวออกมาเก็บของที่แกคิดว่ามีค่าไปเก็บไว้นั่นเอง!

ตั้งแต่กระป๋อง, กล่องนม, ขวดพลาสติก, วิทยะและทีวีเก่าๆ, ท่อน้ำ, กรอบรูป...แม้แต่เศษไม้และแปรงสีฟันเยินๆ ก็อุตส่าห์เก็บเอาไปใส่ถังเหลืองก้นทะลุกับกะละมังขึ้นสนิม...กองสุมอยู่ที่ใต้ถุนบ้านจนที่นั่นกลายเป็นขยะกองโต ไม่ว่าใครๆ เดินผ่านก็ล้วนแต่หันมองไปตามๆกัน

เป็นที่รู้กันว่าแกเคยเป็นเศรษฐีเก่า เมื่อผัวตายก็ยกสมบัติให้ลูกสาวสองคน ตัวเองปลีกวิเวกอยู่เดียวดาย เรื่องอาหารการกินก็มีลูกหลานดูแล หรือไม่แกก็เดินไปหาอะไรกินในครัวหลังบ้าน

ป้านิด กับ ป้าหน่อย ลูกสาวของยายขาวเคยคุยกับแม่ผมในทำนองว่า...เป็นความสุขของแกก็ต้องปล่อยไป เคยทักท้วงห้ามปรามว่าอย่าไปเก็บขยะเลย แต่ก็ไร้ผล

"บอกตรงๆ ว่าอายชาวบ้านเขาเหมือนกัน แต่ไม่รู้จะทำยังไง?"

ป้านิดส่ายหน้า ถอนหายใจยืดยาว แม่ผมปลอบว่าคนแก่ส่วนมากก็เป็นยังงี้แหละ ไม่เจ็บไข้อาการหนัก หรือว่าหลงๆ ลืมๆ ก็ถือว่าโชคดีแล้ว...ไม่แน่นะ! แกอาจจะซุ่กซ่อนสมบัติเอาไว้ในห้องอีกมากมายก็เป็นได้!

ว่าแล้วก็หัวเราะกันอย่างสนุก...คงไม่มีใครนึกคิดว่าเรื่องที่พูดกันนั้นจะมีคนอื่นๆ ที่คิดตรงกัน...ยายขาวคงเก็บงำหรือซุกซ่อนเงินทองเอาไว้โดยไม่ปริปากให้ใครรู้เลยแม้แต่คนเดียว

จนกระทั่งวันหนึ่ง ยายขาวก็นอนหลับโดยไม่ตื่นอีกเลยตลอดกาล!

ป้าหน่อยเป็นคนไปพบศพแม่เมื่อใกล้เที่ยงแล้ว ผิดสังเกตที่ไม่เห็นออกมากินข้าวกินปลา เรียกก็ไม่มีเสียงขานรับ เมื่อให้ลูกชายปีนเข้าไปทางหน้าต่างจึงได้รู้ว่ายายขาวนอนตัวแข็งทื่อ ลืมตาโพลง ปากอ้าค้างเหมือนจะร้องเรียกให้คนช่วย...หรือไม่ก็บอกกล่าวอะไรที่เป็นความลับให้ลูกหลานได้รับรู้ก่อนจะสิ้นใจตาย...

งานศพยายขาวผ่านไปแล้ว!

ต่อจากนั้นคือการเรียกรถมาขนขยะที่กองรอบบ้านและใต้ถุนไปทิ้ง ถ้าเพื่อนบ้านอยากได้อะไรไปใช้ก็ให้มาหยิบฉวยไปได้ตามใจชอบ

ไหนจะตามระเบียงและในห้องนอน ที่ป้านิดป้าหน่อยมองเห็นเข้าก็ทอดถอนใจไปตามๆ กัน สั่งให้ขนออกไปทิ้งจนหมด โดยมีเพื่อนบ้านกลุ่มใหญ่มาเมียงๆ มองๆ ด้วยความสนใจใคร่รู้ว่าจะมีสมบัติอะไรที่พอจะเรียกว่าเป็นชิ้นเป็นอัน หรือมีค่าควรแก่การเก็บงำ นำไปใช้สอยได้หรือไม่?

ทำไปทำมา ขยะของยายขาวก็ชักจะกลายเป็นของมีค่าขึ้นมา!

ดูเหมือนว่านอกจากกระเบื้องถ้วยกะลาแตกแล้วก็ไม่มีอะไรน่าสนใจนัก เหลือไว้แต่ตู้เตียงและโต๊ะเก้าอี้ ที่ลูกๆ หลานๆ ของยายขาวไปดูๆ แล้วก็ช่วยกันขนเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ที่ไม่มีราคาค่างวดอะไรออกมากองไว้หน้าบ้าน ใครอยากได้อะไรก็มาหยิบฉวยไปได้ตามใจชอบ จนเรือนไม้เตี้ยๆ ของยายขาวโปร่งโล่งดูสบายตา ไม่รกรุงรังน่าหวาดระแวงว่าจะมีงูเงี้ยวเขี้ยวขอซุกซ่อนอยู่ได้อีกต่อไป

ในเมื่อเหลือแต่ตู้เตียงและโต๊ะเก้าอี้เก่าๆ บ้านนั้นก็ปิดประตูหน้าต่างเอาไว้เงียบๆ กลายเป็นบ้านร้างที่ดูน่าวังเวงใจในยามค่ำคืน...จนกระทั่งเรื่องน่าสยดสยองเกิดขึ้น

คืนหนึ่ง มีเสียงร้องเอะอะโวยวายขึ้นที่บ้านร้างกลางดึก เมื่อเพื่อนบ้านตื่นขึ้นมาก็เห็นร่างตะคุ่มๆ กำลังกระโดดลงจากรั้วไม้ระแนง วิ่งพลางร้องพลางจนหายลับไปทางก้นซอย

พวกเราจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์กันเซ็งแซ่...มีขโมยเข้าไปในบ้านร้างของยาวขาว ทั้งๆ ที่รู้กันว่าไม่มีสมบัติอะไร บางคนตั้งข้อสังเกตว่า หัวขโมยคงมั่นใจว่าผู้ตายซุกซ่อนเงินทองเอาไว้ก็เป็นได้ เลยดอดเข้าไปค้นหาดู แต่คงเจอะเจอภาพสยองเข้าจนร้องเอะอะก่อนจะหนีเตลิดเปิดเปิงไป

ป้านิดกับป้าหน่อยชวนลูกๆ เข้าไปค้นดูตามตู้เตียงจนละเอียด แม้แต่ซอกเล็กๆ และช่องลับที่หัวเตียงก็ไม่พบของมีค่าอะไรเลยแม้แต่อย่างเดียว ไม่ช้าก็ตัดสินใจยกตู้เตียงของยายขาวถวายวัดไปให้สิ้นเรื่องสิ้นราว...

พวกเราถึงได้รู้แน่ชัดว่าสมบัติล้ำค่าที่ยายขาวหวงนักหนาก็คือตู้เตียงเก่าแก่ที่แกเคยใช้สอยมาตลอดชีวิตนั่นเอง!


cmman573

  • บุคคลทั่วไป
Re: เล่าเรื่องขนหัวลุกจากปทุมธานี
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 31 กรกฎาคม 2008, 10:02:27 »

หง่ะ เอาของส่งเข้าวัดซะงั้น

pulohid

  • บุคคลทั่วไป
Re: เล่าเรื่องขนหัวลุกจากปทุมธานี
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 31 กรกฎาคม 2008, 10:27:51 »

เตียงนอนนี่ขอเลย กลัวว่าเคยมีคนเสียชีวิตบนเตียงที่เรากำลังนอนนี่ล่ะ poiu

cooltea79

  • บุคคลทั่วไป
Re: เล่าเรื่องขนหัวลุกจากปทุมธานี
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: 31 กรกฎาคม 2008, 10:56:56 »

นั่น ดิ ถ้ารู้ว่า เตียงของเราเคยมีคน .... มาก่อนเนี่ยน๋า บรี๋ออออ  890  890

cmman573

  • บุคคลทั่วไป
Re: เล่าเรื่องขนหัวลุกจากปทุมธานี
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: 04 สิงหาคม 2008, 16:51:12 »

นั่น ดิ ถ้ารู้ว่า เตียงของเราเคยมีคน .... มาก่อนเนี่ยน๋า บรี๋ออออ  890  890
หึๆๆ เราไม่มีทางรู้ จนกว่าเจ้าของจามาบอกอ่ะ หึๆๆ