-->

ผู้เขียน หัวข้อ: ตำนานผีของญี่ปุ่น !!!!  (อ่าน 2141 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

albatross

  • บุคคลทั่วไป
ตำนานผีของญี่ปุ่น !!!!
« เมื่อ: 14 ธันวาคม 2008, 00:31:37 »

กัปปะ

ผีญี่ปุ่นชนิดหนึ่ง เป็นผีจำพวกพรายน้ำ มีรูปร่างหน้าตาคล้ายกบ ตัวสีเขียว แต่มีกระดองเต่าอยู่ข้างหลัง เท้ามีพังผืดทั้งเท้าหน้าและเท้าหลัง จมูกแหลม มีลักษณะศีรษะที่แบนและกลางกระหม่อมไม่มีผม เป็นปีศาจที่อาศัยอยู่ตามหนองน้ำหรือแหล่งน้ำต่าง ๆ เชื่อว่า อาหารที่กัปปะชอบคือ แตงกวา ชอบเล่นซูโม่เพราะมีพละกำลังเยอะ ลักษณะพิเศษคือ มีจานอยู่บนหัวไว้เก็บน้ำ ซึ่งน้ำจะทำให้กัปปะมีพลังพิเศษ และมีพละกำลังมากขึ้น ในทางกลับกันถ้าสูญเสียน้ำไป กัปปะจะอ่อนแรงลงอย่างมาก ถึงขนาดที่ไม่สามารถขยับตัวได้ ถึงแม้ว่ากัปปะจะมีรูปร่างพอๆกับเด็ก แต่ก็เป็นผีที่เอาชนะได้ยาก มันมีปากแหลมเหมือนนก ผิวเป็นเมือกลื่น อาจมีสีเขียว น้ำเงิน หรือแดง มือเป็นผังผืด ที่หลังจะมีกระดองเต่า มีขนดกทั่วตัว แขนขาของกัปปะยาว และยืดหยุ่นได้ เมื่อกัปปะขึ้นจากน้ำจะหมดฤทธิ์ จึงใส่น้ำไว้บนศีรษะที่แบนราบของตัวเอง ดังนั้นเมื่อพบเจอกับกัปปะให้ก้มคาราวะ เมื่อกัปปะคาราวะตอบ น้ำบนศีรษะจะหก ทำให้หมดฤทธิ์ และ อีกวิธี ก็คือ ให้เขียนชื่อตัวเอง ลงไปในแตงกวา แล้วขว้างลงไปในแม่น้ำ เมื่อ กัปปะ มาเจอแตงกวานี้เข้าก็จะกินอย่างเอร็ดอร่อย และ ก็จดจำชื่อ ที่อยู่บนแตงกวาด้วย คราวหน้าบังเอิญต้องเจอะเจอเจ้าของชื่อ กัปปะ ก็จะไม่ทำอันตรายอะไร ปัจจุบันมีซูชิชนิดหนึ่ง ไส้แตงกวา เรียกว่า "กัปปะ มากิ" กัปปะมีความมั่นใจในพละกำลังตัวเองมาก มักจะท้ามนุษย์ในการแข่งซูโม่ จึงมีเรื่องเล่าว่า คนที่ฉลาดจะทำความเคารพกัปปะก่อนเริ่มการประลอง ด้วยการก้มศรีษะ แล้วกัปปะจะก้มตาม ทำให้น้ำกระฉอกออกจากจาน กัปปะจะอ่อนแรงลง และพ่ายแพ้ในที่สุด ซึ่งจะทำให้กัปปะเสียใจอย่างมาก นิสัยของกัปปะ คือ ชอบกินแตงกวา ในฤดูเก็บเกี่ยวแตงกวาของเกษตรกร ที่ญี่ปุ่นจึงมีธรรมเนียมการลอยแตงกวาลงแม่น้ำ เพื่อเซ่นวารีเทพ และทำทานให้ผีอดโซ เป็นที่มาของเรื่องเล่าที่ว่า หากชายใดแก้ผ้าลงเล่นน้ำในแม่น้ำ อาจถูกกัปปะดึงของลับ เพราะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นแตงกวาที่เอามาเซ่น กัปปะมีนิสัยที่ขี้เล่นและอยากรู้อยากเห็น ซึ่งบางครั้งก็เป็นอันตรายกับมนุษย์ กัปปะมีความอันตรายเช่นเดียวกับผีร้ายอื่นๆ มีเรื่องเล่าอยู่เสมอๆ ว่ากัปปะเคยหลอกล่อให้คนลงไปในน้ำ มักจะลากม้า หรือเด็กๆลงแม่น้ำจนจมน้ำตาย หากถูกชาวประมงจับได้ มันจะปล่อยตดออกมาป้องกันตัว ซึ่งเหม็นบรรลัย ทั้งยังมีเรื่องเล่าที่ว่า กัปปะจะคอยแอบอยู่แถวๆ ส้วม เมื่อคนเผลอมันจะแกล้งโดยใช้นิ้วสวนทวาร ซึ่งพฤติกรรมพิเรนนี้ อาจทำให้มันถูกคนจับตัวได้ แต่กัปปะมีความสุภาพอ่อนน้อมและมีสัมมาคาราวะมาก กัปปะเป็นพรายที่มีความคิดความรู้สึกผิด มันจะขอโทษโดยการจับปลามาให้ที่หน้าประตูบ้านทุกวัน หรือไม่ก็มอบยาสมุนไพรชั้นเลิศที่มันปรุงขึ้นมาให้ ซึ่งกัปปะมีความเชี่ยวชาญด้านการปรุงยาลี้ลับอย่างมาก ความเชื่อเรื่อง กัปปะ มีกระจายไปทั่วประเทศญี่ปุ่น มีตำนานเล่าว่ามีช่างไม้ที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง ชื่อ ฮิดาริจินโกโร่ อ้างว่าตุ๊กตาไม้ที่เขาทำโยนลงน้ำ กลายเป็นกัปปะไป อีกตำนานก็เล่าว่า เดิมกัปปะเป็นเทพที่ดูแลแม่น้ำลำคลอง แต่เมื่อมนุษย์เลิกนับถือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ กัปปะเลยตกชั้นเป็นเพียงภูติผีธรรมดา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14 ธันวาคม 2008, 23:16:49 โดย albatross »

albatross

  • บุคคลทั่วไป
Re: ตำนานผีของญี่ปุ่น !!!!
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 14 ธันวาคม 2008, 00:35:33 »

ซาซิกิวาราชิ ( Zashiki-warashi )
ตามความเชื่อส่วนมากมักจะอยู่ในรูปเป็นเด็กผู้หญิงที่อายุน้อยๆ ราวๆ 5-14 ปี อาศัยอยู่ตามห้องของบ้านที่เก่าๆ และตามอาคารต่างๆ บางครั้งจะวิ่งเล่นจนผู้อาศัยได้ยินเสียง บางครั้งจะออกมาเล่นกับเด็กๆ ซึ่งผู้ใหญ่จะมองไม่เห็น ซาชิกิวาราชิยังช่วยปกป้องเจ้าของบ้านจากภยันตรายต่างๆ รวมไปถึงสิ่งอัปมงคลที่จะมาย่างกรายเข้ามา ภายในบ้านที่ซาชิกิวาราชิอาศัยอยู่ เนื่องจากซาชิกิวาราชิจัดว่าเป็นผีประเภทหนึ่ง และมีพลังที่น่ากลัวของเทพอารักษ์ซึ่งมีทั้งคุณและโทษ มีเรื่องเล่าว่า หากซาชิกิวาราชิไปอาศัยอยู่ที่บ้านของใคร จะนำโชคลาภมหาศาล และความมั่งคั่งมาสู่บ้านหลังนั้น แต่เมื่อใดซาชิกิวาราชิจากบ้านนั้นไป ทรัพย์สมบัติและความเจริญรุ่งเรืองที่ซาชิกิวาราชินำมา จะมลายหายไปจนสิ้น และความพินาศจะมาเยือน การที่ซาชิกิวาราชิจะเลือกอาศัยบ้านหลังไหนนั้น ไม่ทราบแน่ชัด แต่จะชอบเลือกบ้านที่ค่อนข้างเก่ามากกว่า สำหรับบ้านสมัยใหม่ซาชิกิวาราชิอาจจะเลือกเข้าอยู่บ้าง แต่ต้องไม่มีสำนักงานในตัวบ้าน เพราะซาชิกิวาราชิไม่ชอบกิจวัตรประจำวันที่อึกทึก ผู้คนพยายามที่จะสร้างห้องไว้ให้สำหรับซาชิกิวาราชิ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามโรงแรมและสำนักงาน โดยจะเป็นห้องที่เต็มไปด้วยตุ๊กตาและของเล่น แต่ความพยายามดังกล่าวมักสูญเปล่า การจะให้ซาชิกิวาราชิอยู่กับบ้านใดบ้านหนึ่งนานๆ ต้องการการดูแลที่เหมาะสม ซาชิกิวาราชิไม่ชอบการเอาใจที่มากเกินไป เพราะว่าซาชิกิวาราชิมีนิสัยเหมือนเด็ก บางครั้งก็สร้างปัญหาให้ได้เหมือนกัน การพูดคุยอย่างสุภาพเป็นวิธีที่ดีกว่าการแสดงอารมณ์โกรธ เพราะความโกรธจะขับไล่ซาชิกิวาราชิไปเหมือนกัน

ทานูกิ
เป็นสัตว์ที่ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่า เป็นปีศาจที่สามารถแปลงร่างได้ โดยใช้ใบไม้แปะไว้ที่หน้าผาก โดยความเชื่อนี้ปรากฏให้เห็นบ่อย ๆ ตามสื่อต่าง ๆ เช่น การ์ตูน เป็นต้น โดยเชื่อว่าเป็นสัตว์ที่ชอบดื่มเหล้าสาเก แต่จะไม่ซื้อเหล้าสาเกให้เปลืองเงินแต่จะใช้วิธีการแปลงร่างหลอกเอาเหล้ามาดื่ม รักสนุก และจะชอบหลอกมนุษย์ด้วยการแปลงลูกอัณฑะให้มีขนาดใหญ่ด้วย

นุราริเฮียวน์ หรือเทพอาคันตุกะ
ไม่เป็นอันตรายกับมนุษย์ มักปรากฏตัวในรูปชายชราหัวโตๆ หน้าตาอิ่มเอิบ มีพลังในการสะกดจิตผู้คน ทำให้ผู้คนเข้าใจผิดว่าเป็นเจ้าของบ้าน หรือเจ้านายใหญ่ โดยมีเรื่องเล่าว่าเทพอาคันตุกะมักจะเข้าบ้านคนอื่น โดยไม่เกรงใจ และดื่มกินตามที่ตัวเองต้องการ บางครั้งผู้คนก็เข้าใจว่าเป็นปีศาจนักต้มตุ๋น ทว่าตามบ้านเก่าๆ มักมีศาลเจ้าที่เตรียมเครื่องเซ่นไว้ ซึ่งเป็นการจัดเตรียมไว้เพื่อต้อนรับเทพอาคันตุกะ ที่อาจจะมาแวะเยี่ยมเยียนตามบ้าน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14 ธันวาคม 2008, 23:24:21 โดย albatross »

albatross

  • บุคคลทั่วไป
Re: ตำนานผีของญี่ปุ่น !!!!
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 14 ธันวาคม 2008, 00:42:54 »

เนโกะมาตะ (Nekomata, หรือ แมวผี )
มีเรื่องเล่ามาว่า เมื่อแมวบางตัวมัอายุมากจะมีตะบะสูงขึ้น แล้วกลายเป็นแมวผี ที่เรียกว่าบากะเนโกะ ซึ่งมีหลายวิธีที่มันจะสามารถกลายเป็นบากะเนโกะได้ และเมื่อหางมันแยกออกเป็น 2 หาง มันถึงจะพัฒนากลายเป็นเนโกะมาตะ ซึ่งเนโกะมาตะสามารถขยายตัวได้ถึง 1 เมตร และส่วนมากจะเดินด้วยขาหลัง 2 ขา และมันเป็นผีที่ไม่ยอมให้ใครมาดูถูก ถ้าใครปฏิบัติกับมันไม่ดี มันจะจดจำอย่างฝังใจ เชื่อกันว่าการเต้นรำของเนโกะมาตะสามาถควบคุมคนตายได้ และยังเชื่ออีกว่าเนโกะมาตะเป็นสาเหตุของเพลิงไหม้ที่ผิดปกติ จึงมีความเชื่อบางอย่างที่จะตัดหางแมวออกซะ เพื่อป้องกันไม่ให้มันกลายเป็นเนโกะมาตะ เรื่องเล่าของเนโกะมาตะ แตกต่างกันไปตามแต่ละพื้นที่ บ้างก็เชื่อว่าเนโกะมาตะจะกิน แม้กระทั่งเจ้านายของตัวเอง และการที่ทิ้งแมวไว้กับศพเป็นเรื่องที่เสี่ยงมาก เพราะมันอาจจะปลุกศพให้คืนชีพ และควบคุมศพได้ ในขณะที่บางตำนานกล่าวว่าเนโกะมาตะจะแปลงร่างเป็นสาวงามในยามค่ำคืนเพื่อปรนนิบัติเจ้านาย


ปีศาจจิ้งจอก หรือ คิตสึเนะ ( Kitsune)
สามารถพบได้ตามแถบตะวันออกของเอเชีย ตามความเชื่อแล้วปีศาจจิ้งจอก เป็นจิ้งจอกที่มีพลังเวทย์ มีทั้งพวกที่จัดว่าศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นข้ารับใช้ของเทพอินาริ ซึ่งเป็นเทพแห่งการเพาะปลูก และพวกที่จัดว่าเป็นผีร้าย ปีศาจจิ้งจอกมีความเชี่ยวชาญในมนต์มายา และวิชาแปลงกาย ซึ่งบ่อยครั้งที่มักจะแปลงกายเป็นมนุษย์ เชื่อกันว่าสุนัขจิ้งจอกที่อายุยืน และมีตบะแก่กล้ามากพอ จะสามารถกลายเป็นปีศาจจิ้งจอกได้ เมื่อปีศาจจิ้งจอกอยู่จนครบ 100 ปี จะมีหางเพิ่มขึ้นมาหนึ่งหาง และมีพลังแข็งแกร่งขึ้น และหากมีหางครบเก้าหางเมื่อไหร่ จะมีพลังมหาศาลและชาญฉลาดอย่างยิ่ง ปีศาจจิ้งจอกมีสังคมคล้ายคลึงกับมนุษย์ ทั้งยังสวมใส่เสื้อผ้าและยืนสองขา บางครั้งก็เข้ามาปะปนอยู่กับ มนุษย์ธรรมดา ปีศาจจิ้งจอกสามารถแปลงกายได้แนบเนียน จนมนุษย์ธรรมดาจับไม่ได้ ปีศาจจิ้งจอกตนใดถูกมนุษย์จับได้ จะถูกลงโทษอย่างหนักจากสังคมปีศาจจิ้งจอก การที่ปีศาจจิ้งจอกจะสำเร็จ วิชาแปลงกาย สามารทำได้หลายวิธี ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ การใช้กะโหลกมนุษย์ช่วยใน การแปลงกาย แต่ปีศาจจิ้งจอกที่ไม่ระมัดระวังอาจจะเหลือหลักฐานบางอย่าง อย่างเช่น ลืมแปลงกายอวัยวะบางส่วนที่อยู่ใต้เสื้อผ้า เมื่อปีศาจจิ้งจอกแปลงร่างเป็นมนุษย์ มันก็มีความรู้สึกหรือความต้องการคล้ายมนุษย์เช่นกัน ปีศาจจิ้งจอกชอบกินของอร่อยๆ โปรดปรานเต้าหู้ทอด ชอบการได้สัมผัสกาย รวมไปถึงเรื่องเซ็กส์ เป็นหนึ่งในปีศาจที่มีเรื่องเล่าถึง สายสัมพันธุ์ที่ลึกซึ้งกับมนุษย์ การที่ปีศาจจิ้งจอกต้องแปลงกายมาปะปนกับมนุษย์ ไม่มีเหตุผลที่แน่นอน บางครั้งเชื่อว่า มันมาเพื่อค้นหาความรัก มีเรื่องเล่าว่า มีปีศาจจิ้งจอกที่แปลงกายเป็นสตรีที่งดงาม และแต่งงานอยู่กินกับมนุษย์ ทั้งยังสามารถสืบทายาทได้ด้วย ทายาทปีศาจจิ้งจอกจะมีความแข็งแกร่งผิดมนุษย์ รวมไปถึงมีพลังเวทย์ติดตัว และมีเสน่ห์ที่ประหลาด จนมีคำเล่าลือว่า องเมียวที่มีชื่อเสียงที่ชื่อ อาเบะโนเซย์เมย์ (Abe no Seimei) เป็นทายาทของปีศาจจิ้งจอก มนต์มายาของปีศาจจิ้งจอกลึกล้ำมาก ถึงแม้ว่ามนุษย์จะรู้ว่าต้องมนต์ของปีศาจจิ้งจอก แต่สัมผัสของมนต์มายาก็เหมือนจริง จนแทบแยกความจริงกับภาพมายาไม่ออก ปีศาจจิ้งจอกที่มีตบะมากจะรู้จิตใจของมนุษย์ ทำให้สามารถสร้างภาพมายาที่มนุษย์คนนั้นต้องการเห็นได้ ทำให้แม้มนุษย์อยากปฎิเสธ ก็ยากที่จะทำได้

สตรีหิมะ หรือ ยูกิอนนะ ,ยูกินะ (yuki onna,yukina ? นางหิมะ)
 ตามความเชื่อของชาวญี่ปุ่น เป็นชื่อที่ใช้เรียกภูตหิมะที่มีรูปร่างเป็นสตรีที่งดงาม ว่ากันว่าเป็นจิตวิญญาณแห่งฤดูหนาว ซึ่งยูกิอนนะนี้ จะมีลักษณะเป็นผู้หญิงสาวสวย สวมชุดกิโมโนสีขาวสะอาด นางจะปรากฏตัวบนภูเขาหิมะในวันที่มีพายุหิมะ และหลอกล่อให้ผู้ชายที่หลงไหลในความงามของนางไปสู่ความตาย เรื่องเล่าของสตรีหิมะมีหลากหลายอยู่ว่า บางครั้งเล่ากันว่าในวันที่หิมะตกหนัก นักเดินทางที่โชคไม่ดี จะได้พบกับสตรีหิมะท่ามกลางพายุหิมะที่อันตราย เธอจะสวมกิโมโนสีขาว และค่อนข้างตัวสูง บ้างก็เล่าว่าเธอสวมกิโมโนสีแดง แล้วรอยเท้าที่เธอเดิน เต็มไปด้วยคราบเลือด บางครั้งเชื่อว่าสตรีหิมะเป็นวิญญาณของหญิงที่ตั้งครรภ์ ที่ตายเพราะพายุหิมะ และเมื่อใครเดินผ่านมาตามทางแล้วพบเห็นเธอเข้า เธอจะยิ้มแล้วยอมให้คนนั้นอุ้มลูก เหยื่อจะไม่สามารถปล่อยลูกของเธอได้เมื่ออุ้มแล้ว และลูกของเธอจะหนักขึ้นและเย็นจนแข็ง ทำให้เหยื่อขยับไปไหนไม่ได้ และจะจมหิมะตาย

โรคุโรคุบิ (Rokurokubi,)หรือ สาวคอยาว
เป็นเรื่องเล่าที่เกี่ยวกับ มนุษย์ที่ยังมีชีวิตอยู่แต่ต้องคำสาปหรืออาถรรพ์ เมื่อตกกลางคืนจะยืดคอออกไปได้ยาวมาก มักจะเป็นเฉพาะในผู้หญิง มีพฤติกรรมที่จะเป็นอันตรายต่อมนุษย์ สาวคอยาวจะดูดพลังของเหยื่อที่เป็นทั้งคนและสัตว์ และจะใช้ลิ้นเลียเพื่อดับไฟตะเกียง ซึ่งสาวคอยาวนั้นมักจะ เป็นผู้หญิงที่ต้องพบกับรักที่ผิดหวัง เพราะว่าเมื่อสามีมาพบว่าภรรยาตนเป็นสาวคอยาว มักจะหนีไปด้วยความหวาดกลัว ส่วนมากสาวคอยาวมักจะแฝงตัวอยู่กับคนธรรมดาได้ แต่ต้องทุกข์ทรมาณกับการพยายาม ซ่อนร่างจริงของตัวเอง ถึงแม้ว่าสาวคอยาวพยายามปิดบังร่างจริง แต่ความที่เป็นผีทำให้มีความรู้สึกที่จำเป็นจะต้อง แสดงร่างคอยาวออกมาเสมอๆ สาวคอยาวจึงมักจะแสดงร่างจริงออกมาต่อหน้าพวกขี้เมา หรือพวกงี่เง่าเท่านั้น สาวคอยาวไม่มีนิสัยชอบหลอกคนเหมือนผีร้ายอื่นๆ เพราะยังมีความเป็นมนุษย์อยู่มาก ทั้งยังคิดว่าตัวเองสามารถใช้ชีวิตอย่างมนุษย์ปกติได้ บางครั้งอาการคอยาวจึงออกมาตอนหลับเท่านั้น เมื่อตื่นขึ้นมาก็รู้สึกว่าตัวเองปวดคอ และฝันเห็นสถานที่ต่างๆ ในมุมมองที่แปลกๆ

สาวปากฉีก หรือ คุชิซาเกะอนนะ ( Kuchisake onna,Kuchisake)
เป็นผีญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงอีกตนหนึ่ง ลักษณะของสาวปากฉีกคือ ปากจะฉีกถึงใบหู เรื่องเล่าของสาวปากฉีกมีทั้งฉบับดั้งเดิมกับฉบับปัจจุบัน ตำนานสาวปากฉีกในสมัยเฮอันเล่ามาว่า มีหญิงสาวที่งดงามยิ่งนัก ไม่เป็นรองใครในแผ่นดิน เป็นภรรยาของซามูไรที่มีชื่อเสียง แต่โชคร้ายที่สามีของเธอ สงสัยว่าเธอจะไปมีชู้ ด้วยความโกรธจึงใช้ดาบคาตานะ ตัดปากของเธอจนฉีกถึงใบหู เพื่อทำลายความงามของเธอ พร้อมทั้งถากถางว่า อย่างนี้แล้วใครจะคิดว่าเธองดงามอีก สาวปากฉีกเมื่อตายไปจึงกลายเป็นวิญญาณพยาบาท มีพฤติกรรมที่น่ากลัว คือ มักจะยืนอยู่ตรงริมถนน ในช่วงเย็นๆถึงค่ำ ในวันที่หมอกลง และจะสวมผ้าปิดปากไว้ พอใครเดินผ่านมาจะเข้าไปทัก แล้วถามว่า ฉันสวยมั๊ย? ถ้าตอบกลับไปว่าก็สวยนิ แล้วสาวปากฉีกจะถอดผ้าปิดปากออก แล้วถามอีกครั้งว่า แล้วแบบนี้ละ? เหยื่อที่เห็นใบหน้าที่แท้จริงของสาวปากฉีก ถ้าตกใจแล้วพยายามวิ่งหนี สาวปากฉีกจะวิ่งไล่ และหนียังไงก็หนีไม่พ้น สาวปากฉีกจะเล่นงานเหยื่อโดยจะตัดให้ปากฉีกเหมือนเธอ เชื่อกันว่าหากถูกสาวปากฉีกวิ่งไล่ให้โยนขนมหวานชื่อดัง จะดึงความสนใจสาวปากฉีกไปที่อื่นได้ และยังมีเรื่องเล่าต่อเนื่องในการตอบคำถามของเธอครั้งที่สอง หากตอบว่าไม่สวยเธอก็จะวิ่งไล่และเล่นงาน แต่หากตอบว่า ก็ดูปกติดีนี่ ก็สวยดีนี่ สาวปากฉีกจะพอใจและไม่ทำร้ายเหยื่อ แล้วจากไปแต่โดยดี สาวปากฉีกจะเป็นอันตรายกับมนุษย์หรือไม่ แล้วแต่สถานการณ์ เธอมีความรวดเร็วสูง และใช้มนต์มายาได้เล็กน้อย ชื่นชอบเวลาได้รับคำชม หรือรู้สึกว่าตัวเองสวย เกลียดคนที่พูดโกหก และคนที่กลัวเธอ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14 ธันวาคม 2008, 23:28:02 โดย albatross »

albatross

  • บุคคลทั่วไป
Re: ตำนานผีของญี่ปุ่น !!!!
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: 14 ธันวาคม 2008, 00:48:35 »

ภูตตัดตาข่ายหรือ อามิคิริ
มีลักษณะคล้ายกุ้งผสมกับงู ส่วนมากมีขนาดตัวค่อนข้างเล็ก ในสมัยก่อนตาข่ายดักยุง เป็นสิ่งเดียวที่จะใช้ป้องกันจากยุงในเวลาค่ำคืน ตอนรุ่งเช้าผู้คนจะพบว่าตาข่ายกลับขาดเป็นรู จึงเกิดเป็นเรื่องเล่าของอามิคิริขึ้นมา ซึ่งมันจะมีพฤติกรรมชอบตัดตาข่ายอามิคิริ จัดอยู่ในประเภทพรายน้ำ เป็นภูตที่รักสงบ แต่สร้างความรำคาญให้มนุษย์ในบางครั้ง ไม่เป็นอันตรายกับมนุษย์ ไม่ค่อยชอบให้ใครพบเห็นตัวมันนัก แต่สามารถบินในอากาศได้เหมือนกับว่ายน้ำ เมื่ออยู่ในน้ำมันมักจะตัดตาข่าย หรือแหของขาวประมงที่ขวางทาง อามิคิริชอบอยู่ในน้ำมากกว่าบนบก นอกจากนั้นยังมีเรื่องเล่าที่ว่า มันชอบตัดเสื้อผ้าที่ตากไว้ให้เป็นรูอีกด้วย มักจะพบเรื่องเล่าเกี่ยวกับอามิคิริในน้ำมากกว่าบนบก และมักเกี่ยวข้องกับชาวประมง อามิคิริสามารถว่ายน้ำได้อย่างรวดเร็ว สามารถแปลงกายเพื่อขึ้นบกได้เป็นเวลาสั้นๆ และใช้มนต์มายาได้เล็กน้อย


ผีนับจาน หรือ ซารายาชิกิ ( Sarayashiki, ) หรือ โอคิคุ
เป็นเรื่องเล่าของวิญญาณที่จะออกมาจากบ่อเก็บน้ำ และเริ่มนับจานตั้งแต่ 1 ใบจนถึง 9 ใบ แล้วจะร้องไห้อย่างหัวใจสลาย ซึ่งที่มาก่อนที่โอคิคุจะกลายเป็นผีนั้นมีหลายเรื่องเล่า บางเรื่องกล่าวว่าโอคิคุทำจานของเจ้านายแตก เจ้านายโมโหมากจึงฆ่าโอคอคุทิ้งแล้วเอาศพทิ้งลงบ่อน้ำ เรื่องเล่าที่มีชื่อเสียงของโอคิคุมีที่มาจาก เธอเป็นสาวใช้ของอาโอยาม่า ผู้ที่หวังจะโค่นล้มอำนาจของเจ้าเมือง โอคิคุบังเอิญไปได้ยินแผนการเข้า เธอจึงไปเล่าให้คนรักของเธอฟัง ซึ่งคนรักของเธอเป็นทหารเจ้าเมือง แผนการของอาโอยาม่าจึงถูกเปิดโปงและล้มเหลวในที่สุด เมื่ออาโอยาม่ารู้ว่าโอคิคุเป็นคนแอบได้ยินเรื่องแผนการ เป็นต้นเหตุทีทำให้แผนล้มเหลว อาโอยาม่าจึงวางแผนจะสังหารเธอซะ อาโอยาม่าจึงใส่ความโอคิคุว่า เธอขโมยจานที่ล้ำค่าไป 1 ใบซึ่งในชุดจานนั้นจะมี 10 ใบด้วยกัน โอคิคุถูกทรมานจนตาย และถูกทิ้งศพลงบ่อน้ำ บ่อน้ำของโอคิคุสันนิษฐานว่าอยู่ที่ปราสาทฮิเมจิ แต่ก็มีที่อ้างถึงอีกแห่ง คือ บ่อน้ำของสวนในสถานทูตประเทศแคนาดาที่โตเกียว ซึ่งเดิมทีเป็นที่ดินของตระกูลอาโอยาม่า

ปีศาจจิ้งจอก โฮโค
เป็นปีศาจที่น้อยคนจะรู้จัก ซึ่งมักจะมีเรื่องเล่าของโฮโคเกี่ยวพันธ์กับต้นไม่ศักดิ์สิทธิ์ หรือวิญญาณของป่า มีที่มาจากประเทศจีน เรื่องเล่าเริ่มจากที่ผู้ปกครองอาณาจักรวู (Wu) ชื่อ ลูชิงชู (Lu Ching-shu) เป็นผู้ที่มีอำนาจเหนือดินแดนฉางอัน (Chien-an) ได้ส่งผู้คนเพื่อไปตัดต้นไม้ใหญ่ หลังจากขวานเฉาะเนื้อไม้ไปไม่เท่าไหร่ ก็มีเลือดไหลออกมาจากไม้ เมื่อเลือดไหลถึงพื้น ก็มีสัตว์ที่มีหน้าคล้ายคน แต่ตัวเป็นสุนัขสีดำ ไม่มีหางปรากฏออกมา ลูชิงชู บอกว่ามันคือ P?ngho? มันจะออกมากินเลือดที่ไหลออกมาจากต้นไม้ ซึ่งเป็นสิ่งที่มันโปรดปราน ที่ญี่ปุ่นเรื่องมีเล่าที่กล่าวถึง โฮโค ว่าเป็นจิ้งจอกห้าหาง โดยหางทั้ง 5 ของมันเป็นตัวแทนของธาตุทั้ง 5 คือ ดิน น้ำ ไฟ ไม้ และทอง ทำให้จิ้งจอกห้าหาง สามารถใช้พลังได้ถึง 5 รูปแบบ สามารถทำให้เกิดแผ่นดินไหว หรือภัยพิบัติอื่นๆ ได้ แต่มันมักไม่ค่อยออกอาละวาดเช่นนั่นบางเรื่องเล่า ก็กล่าาวว่าจิ้งจอกห้าหาง เป็นวิญญาณแห่งป่า ที่เหลือน้อยเต็มทีมันมีนิสัยที่รักสงบ แต่ในทางกลับกันก็มีพลังมหาศาล ซึ่งควรระมัดระวังให้มาก เป็นการย้ำให้มีการเคารพยำเกรงในป่า และธรรมชาติ มิเช่นนั้นจิ้งจอกห้าหาง อาจสร้างภัยยพิบัติมาลงโทษได้


อาคานาเมะ
เป็นผีที่มีลิ้นยาว ชื่อของอะคานาเมะ อาจมากจากลักษณะตัวของมัน ที่ค่อนข้างเล็ก และมีสีแดง ซึ่ง aka ในภาษาญี่ปุ่น แปลว่าสีแดง เรื่องเล่าของมันมักเล่าว่า ปีศาจตนนี้จะปรากฏตัวที่ห้องน้ำที่สกปรก ถูกทิ้งโดยไท้ได้ทำความสะอาด โดยมันจะใช้ลิ้นเลียสิ่งสกปรกเหล่านั้น จึงมีผู้เล่าว่าในยามค่ำคืนที่ได้ยินเสียงแปลกๆ จากห้องน้ำ บางทีอาจไม่ใช่เสียงของแมลงสาป แต่จะเป็นเสียงของอะคานาเมะก็ได้ สำหรับอะคานามะห้องน้ำจะสกปรกหรือไม่ก็ไม่ใช่ปัญหา แต่อะคานาเมะจะชอบห้องน้ำที่สกปรกมากกว่า ซึ่งอะคานาเมะชอบเลียคราบสกปรกที่พิ้นห้องน้ำมาก มักจะออกมาเลียห้องน้ำตอนที่ผู้คนหลับหมด ถ้ามีใครเข้าไปใกล้ มันจะหนีหายอบ่างรวดเร็ว จึงไม่ง่ายนักที่จะพบเห็นปีศาจประเภทนี้

คาไมทาจิ (Kama-itachi,)
เป็นภูตลมในตำนานความเชื่อญี่ปุ่น ชื่อของคาไมทาจินั้น คามะ แปลว่า เคียว,อิทาจิ แปลว่า ตัววีเซิล เนื่องจากว่าคาไมทาจิเป็นภูตลม จึงเคลื่อนไหวได้รวดเร็วเหมือนสายลม เรื่องเล่าเกี่ยวกับคาไมทาจิมีอยู่ว่าผู้คนที่ขึ้นไปบนภูเขา บางครั้งจะพบกับลมหมุน เมื่อลมหมุนผ่านไป เขาก็พบว่าตัวเองมีบาดแผลแต่ไม่รู้สึกเจ็บ คาไมทาจิอาศัยอยู่ในลมหมุน มีอยู่ด้วยกัน 3 ตัว มีพฤติกรรมคือ ตัวแรกจะชนเหยื่อให้ล้ม ตัวที่สองจะฟันเหยื่อให้เป็นแผล ส่วนตัวที่สุดท้ายจะทายาให้เพื่อห้ามเลือดและระงับอาการเจ็บปวด แต่การจู่โจมบางครั้งก็สร้างบาดแผลร้ายแรง และเจ็บปวดกว่าที่คิด ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าทำไมคาไมทาจิจึงมีพฤติกรรมเช่นนั้น
คาไมทาจิจัดว่าเป็นอันตรายกับมนุษย์ เพราะมีบางเรื่องเล่ากล่าวว่า ผู้ที่พบปรากฏการณ์คาไมทาจิ บางครั้งไม่ได้ถูกฟันครั้งเดียว แต่จะถูกฟันแล้วทายา แล้วถูกฟันซ้ำๆอีก ซึ่งนับว่าน่ากลัว เพราะว่าคาไมทาจิมีนิสัยชอบต่อสู้อยู่เหมือนกัน 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14 ธันวาคม 2008, 23:30:38 โดย albatross »

albatross

  • บุคคลทั่วไป
Re: ตำนานผีของญี่ปุ่น !!!!
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: 14 ธันวาคม 2008, 01:05:13 »

ปิศาจขวางโลก ( อามาโนะจากุ )
คนนิสัยดีอ่อนหวานแล้วจุ่ๆเปลี่ยนไปยังกะหน่ามือเป็นหลังตี..โดยไม่มีสาเหตุ ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่า..คนคนนั้นถูกอามาโนะจากุเข้าสิง ปิศาจตัวเล้กๆตัวนี้มีนิสัยขวางโลกอย่างรุนแรง ใครว่าซ้าย ข้าจาไปขวา ใครว่าขวา ข้าจาไปซ้าย-*- น่าโมโห กวนตี... ใครว่าสีขาวข้าจาว่าสีดำ ใครจาทำไม ปิศาจตนนี้มีแต่จาเปลี่ยนคนดีให้เป็นคนเลว แต่ที่เปลี่ยนคนเลวให้เป็นคนดีขึ้นมานั้นยังไม่ปรากฏ

หัวที่ลอยละล่อง ( ไมคุบิ )
เป็นตำนานเก่าแก่ที่ปรากฏในนิทานของชาวโมโมยามะเมื่อราวปี คศ.1200 เล่ากันว่าคืนหนึ่งมีซามูไร 3 ตนที่นิสัยไม่ดีนักได้แก่ โคซันตะ มาตะชิเงะ และอากุโกโร ทะเลาะกันอย่างดุเดือดอยุ่ริมทะเล และลงท้ายด้วยการบั่นคอของแต่ละคนจนตายกันถ้วนหน้า(บ้าดีเดือดแท้ๆลย)ตั้งแต่นั้นมาในคืนเดือนเพ็ญจะปรากฏศีรษะลุ่นๆสามหัวหรือเห็นเป็นแค่ดวงไฟ 3 ดวง ลอยหมุนติ้วเป็นวงกลม ร้องตะโกนว่า ? เป็นความผิดของเจ้านั่นแหละ ?{เชื่อกันว่าถ้าเกิดไปล้อเลียนมันเข้า มันจะตรงดื่งเข้ามาเล่นงานทันที

ปิศาจกลับหมอน ( มากุระ งาเอชิ )
ถ้าเช้าวันหนึ่งตื่นขึ้นมาแล้วรุ้สึกมึนงงว่าที่นี่มันที่ไหน หรือว่าทำไมบ้านเราถึงมีบรรยากาศเปลี่ยนไป (อันนี้ไม่เกี่ยวกะการเมาแล้วเข้าผิดบ้านน่ะค่ะ ) หรือสงสัยว่าทำไมชีวิตประจำวันมันถึงช่างแปลกออกไป นั่นเป็นฝีมือของปิศาจกลับหมอน ปิศาจตนนี้จะแอบมากลับหมอนของผู้คนยามนอนหลับ เมื่อคนคนนั้นตื่นขึ้นมาจะพบว่าตนเองอยุ่ในโลกที่ตรงข้ามกะความเป็นจริง ในอีกมิติหนึ่ง ซึ่งเต็มไปด้วยความโหดร้าย ผิดหวัง ขมขื่น(เกลียดจิง ชอบแกล้งคนตอนนอน กำลังเคลิ้มเลย)-*- เพราะปีศาจตัวนี้ชอบเห็นผู้อื่นเดิอดร้อน คนที่โชคดีหน่อยอาจจะฝ่าฝันร้ายๆนั้นออกมาได้และตื่นขึ้นมาในมิติเดิม แต่มีหลายคนที่ถูกชักนำไปสู่มิติแห่งความตาย

ผีว้าก ( อุว้ง )
เป็นปิศาจที่มีรูปร่างใหญ่โตราวกับยักษ์ หูแหลม ศีรษะล้าน และมีกรงเล็บแหลมคม มักจะปรากฏตัวตามกำแพงวัดร้างหรือป่าช้า เมื่อปรากฏตัวมันจะร้องว่า \" อุว้ง อุว้ง!!!! หรือ \"ว้ากกกก ว้ากกกก\"นั่นเป็นที่มาของชื่อ มันจาร้องเช่นนี้ก็ต่อเมื่อมีคนผ่านมา คนที่ได้ยินเสียงนี้จะต้องร้องตอบไปว่า \"อุว้ง\"เช่นเดียวกันและต้องตอบให้ทัน แต่แน่นอนว่ามันจะเพิ่มสปีดในการร้องเร็วขึ้นเรื่อยๆจนคนร้องตามไม่ทัน และเมื่อถึงคราวนั้นมันจะใช้กรงเล็บตะปปคนคนนั้นจนตาย

ปิศาจสาวฟันดำ ( โอฮาคุโรเบซึตะริ )
ญ ญีปุ่นโบราณนั้นจะต้องย้อมฟันให้เป็นสีดำด้วยนำยาชนิดหนึ่งในวันพิธีแต่งงาน ปิศาจฟันดำนี้จะไม่มีคิ้ว ตา หรือ จมูก จะมีก็แต่..ปากที่แสยะยิ้มอวดฟันดำๆอยู่ตลอดเวลา เชื่อกันส่าเธอเป็นวิณณาญ ญ สาวคนหนึ่งที่ผิดหวังในเรื่องความรัก เนื่องจากเธอถูกเจ้าบ่าวทิ้งทุ่นในวันแต่งงาน เธอจึงฆ่าตัวตายไปด้วยความแค้นสุมเต็มอก เหยื่อของเธอเป็น ช ซะส่วนใหญ่ ( หล่อหรือไม่ ไม่ระบุ ) ถ้าพบเธอให้บอกเธอว่า \" จะไปขอมาเป็นเมีย \" เธอก็จะหายไป ระวัง!!!!หนุ่มที่หล่อมากๆเธออาจจะติดใจไม่ปล่อยไปง่ายๆก็ได้


ปิศาจหัวเราะ (เคระเคระอนนะ )
เรื่องเล่าที่มาของสาวหัวเราะ มีตำนานมาจากสมัยเอโดะ มีหญิงงามคนหนึ่งที่มักจะคอยสร้างเสียงหัวเราะให้กับคนรอบข้าง ทำให้ผู้คนมีความสุขด้วยเสียงหัวเราะ และมุขตลกที่เป็นเอกลักษณ์ของเธอที่ยากจะมีใครเลียนแบบได้ สาวหัวเราะเมื่อเป็นผี มักจะปปรากฏตัวเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ในที่ใดก็ได้ เพื่อสร้างเสียงหัวเราะให้กับคนที่ได้พบเธอ บางครั้งเธอจะปรากฏตัวในลักษณะที่มีหัวที่โตผิดปกติ แต่ตัวลีบนิดเดียว ซึ่งสาวหัวเราะสามารถปรับเปลี่ยนรูปร่าง ให้มีรูปร่างและขนาดแปลกๆ ได้ตามที่ต้องการ ซึ่งสาวหัวเราะจะทำทุกวิถีทาง เพื่อให้คนที่พบเห็นเธอหัวเราะออกมาให้ได้ สาวหัวเราะมักจะเลือกปรากฏตัวให้คนที่มักไม่มีความสุข หรือไม่เคยเผยรอยยิ้มให้ใครเห็น เพื่อให้กำลังใจคนเหล่านั้น ซึ่งคนที่ได้พบกับสาวหัวเราะ จะจดจำเธอได้ไม่ลืม และทุกครั้งที่เจอเธอ จะไม่มีมุขซ้ำ
เรื่องเล่าอีกเรื่องของสาวหัวเราะ คือ ในยามค่ำคืนผู้คนที่เดินทางในที่เปลี่ยว จะเห็นสาวร่างมหึมา ที่มีเสียงหัวเราะดังก้องกังวาลไปทั่วทั้งแผ่นฟ้า คนที่ตกใจแม้ว่าจะพยายามหนีไปทางไหน เสียงนั้นก็จะตามเข้ามาใกล้ทุกทีๆ


ผีสาวคอยาว ( โรคุโรคุบิ )
ผีสาวคอยาวมีความสามารถพิเศษคือ ทำคอให้ยาวออกไปเหมือนยางงงยืดตามคำสั่งของเจ้าตัวได้ ในตอนกลางวันนางก็เป็นเหมือนหญิงสาวทั่วๆไป แต่เมื่อตกกลางคืนนางก็จะยืดคออกไปหาเหยื่อ ส่วนมากจะเป็น ช หนุ่ม เชื่อกันว่านางดูดชีวิตของหนุ่มๆเหล่านั้นเพื่อมาเป็นพลังชีวิต


ยักษ์ร้อยตา ( โทะโดะเมกิ )
เป็นยักษ์เพศ ญ ที่มีตาอยู่ใบหน้าและร่างกายเต็มไปหมด เชื่อกันว่าตาเหล่านี้จะมองเห็นทะลุปรุโปร่งไปหมด ดังนั้นเมื่อถูกยักษ์ตนนี้ไล่ตามไม่ว่าแอบซ่อนอยู่ที่ไหนหล่อกก็หาเจอแต่ไม่เคยมีปรากฏว่ายักษ์ตนนี้ทำร้ายใคร มีเรื่องเล่า ว่าถ้าใครทำผิดและแอบซ่อนความผิดนั้นไว้ จะมีตาขึ้นบนร่างกายทีละตา และจะมีมาเรื่อยๆถ้าคนคนนั้นยังไม่ยอมหยุดทำและสารภาพออกมา


ไดดาระโทบ๊ทจิ
เดดาระโบ๊ทจิ ก็เรียก เชื่อกันว่าเป็นยักษ์ผู้สร้างโลก ยักษ์ไดดาระมีรุปร่างสูงใหญ่เหมือนยักษ์ทั่วไปทุกประการ แต่อาศัยอยุ่โลกมานุดโดยไม่ทำลายสิ่งปลุกสร้างของมานุดและตัวมานุดเลย ยักษ์ตนนี้ได้รับคำสั่งจากเทพให้มาช่วยสร้างโลก หน้าที่หลักๆก็คือช่วยสร่างหรือเคลื่อนย้ายแม่นำและภูเขาให้ถูกที่ถูกทาง แต่ว่าทุกวันนี้พลังทำลายล้างของมานุดช่างมหาศาล ถ้าไดดาระมีจิงๆก็คงเอาไม่อยุ่เหมือนกัน


ปิศาจถุง (จาบุคุโร)
เพราะว่ามีรุปร่างเป็นถุงผ้าเล้กๆจึงได้ชื่อนี้ จาบุคุโรจาปรากฏตัวโดยการโรยตัวลงมาจากท้องฟ้า เชื่อกันว่าถ้าเป็นคนที่มีจิตใจดีงามเมื่อจับตัวมัน มันจาพาย้อมเวลากลับไปในอดีตเพื่อให้เราแก้ไขเรื่องที่เราคิดว่าทำผิดพลาดได้ 1 ครั้ง  แต่ถ้าเป็นคนที่มีจิตใตตำช้าแล้วละก็ มันจะดูดเอาวิญญาณของคนคนนั้นไปเสีย


ปิศาจทารก (โคะนะกิจิจี้)เรื่องเล่ามีว่า ผีตนนี้จะแปลงเป็นเด็กทารกที่ถูกทิ้งร้องไห้อยู่ที่ข้างทาง เมื่อคนที่เดินผ่านมาเข้ามาอุ้ม จะตกใจเมื่อเห็นใบหน้าเป็นตาแก่ ทั้งยังน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างมาก จนยากที่จะถือไว้ได้ อีกทั้งโดยปกติคนจะตกใจเมื่อเห็นหน้าตา และจะทิ้งลงทันที เมื่อปีศาจทารกเฒ่าตกลงพื้น ก็จะหายไป ทิ้งไว้แต่เสียงหัวเราะ และผู้ที่งุนงงกับเหตุการณ์ที่ได้เจอกับผีตนนี้ บางเรื่องเล่าก็กล่าวว่า หากผู้ใดไม่ตกใจกับใบหน้าของปีศาจทารกเฒ่า และพยายามอุ้มไว้ให้ได้โดยไม่ปล่อยทิ้งลงพื้นสำเร็จ จะได้รับพรพิเศษจากปีศาจทารกเฒ่า


ฟุทาคุชิอนนะ
สาวสองปาก เป็นผู้หญิงที่ต้องคำสาป ทำให้กลายเป็นครึ่งคนครึ่งผี เช่นเดียวกับสาวคอยาว ลักษณะเด่นคือ จะมีปากอยู่ที่ด้านหลังของคออีกหนึ่งปาก กะโหลกจะเปิดออก กลายเป็นปากมีฟันและลิ้น ซึ่งไม่สามารถควบคุมปากด้านหลังนี้ได้ มันจะหาอาหารที่ใกล้ตัวกินเอง โดยใช้เส้นผมที่ยาวของผู้หญิงคนที่ต้องคำสาปนั้นแทนมือ ซึ่งหากมันไม่ได้รับอาการที่เพียงพอ จะสร้างความเจ็บปวดออย่างมาก ให้กับหญิงที่ต้องคำสาปเรื่องเล่าของสาวสองปาก มักจะเล่าว่า เกิดกับแม่เลี้ยงที่ทอดทิ้งลูกเลี้ยง ให้อดตาย ในขณะที่ตัวเองกินดีอยู่ดี วิญญาณของเด็กที่ตายไป จึงกลับมาล้างแค้นแม่เลี้ยงของตน
เรื่องเล่าอีกอย่างที่แตกต่างกัน เล่าว่า คำสาปนี้จะเกิดกับผู้หญิง ที่เปลี่ยนวิธีการกินของตนเองอย่างเฉียบพลัน โดยลดปริมาณอาหารลงอย่างมาก เพราะอยากลดน้ำหนัก พยายามอดสิ่งที่ตัวเองชอบ แต่ว่าร่างกายกลับต้องการมาก จนกลายเป็นว่าตัวเองต้องคำสาป มีปากที่สองที่ควบคุมไม่ได้มาแทน



อิทซึมาเด็น
ตำนานมีอยู่ว่า ฤดูใบไม้ร่วงปี 1334 นกประหลาดนี้ก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้ายามค่ำคืน หายใจเป็นไฟและส่งเสียงร่ำไห้อย่างน่าเวทนาว่า kItsumademo! Itsumademo! อีกนานเท่าไหร่ อีกนานเท่าไหร่ ซึ่งสร้างความรำคาญใจ ให้กับผู้ที่ได้ยินเสียงคร่ำครวญนี้ เจ้าเมืองจึงได้สั่งให้นั้กธนูที่แม่นยำ สอยนกประหลาดนี่ลงมาซะ เมื่อนกนี่ถูกยิงตก ปรากฏว่ามันมีลักษณะคล้ายกับคิเมร่า ตัวเป็นงู หน้าเหมือนคน มีเล็บที่แหลมคม มีปีกกว้างประมาณ 5 เมตร ซึ่งช่วงเวลาที่พยนกประหลาดยี้ เป็นช่วงที่กาฬโรคระบาด ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก ศพของผู้ที่ป่วยตายจำนวนมาก ถูกฝังทิ้งไว้ที่กำแพงเมืองรวมๆ กัน ราวกับว่าเป็นขยะ และไม่ได้ทำพิธีกรรมส่งวิญญาณ อีกทั้งยังมีเรื่องเล่าที่ว่า เหล่าผู้ที่อดอยากจนกระทั่งตายไป จะกลายเป็นนกปีศาจคร่ำครวญ ตามล่าผู้ที่ทอดทิ้งตน และร่ำไห้ตลอดเวลาว่า อีกนานเท่าใด อีกนานเท่าใด จะทอดทิ้งเราอีกนานเท่าใด



โดโรทาโบะ
มีเรื่องเล่ามาว่า เดิมทีวิญญาณตนนี้เคยเป็นชาวนาที่ยากจน แต่ว่าขยันขันแข็ง เกิดอยู่ในยุคข้างยากหมากแพง และมีการเก็บภาษีอย่างไม่เป็นธรรมจากเจ้าเมือง ซึ่งเกษตรกรเหล่านี้ มักต้องแบกภาระทั้งหมด ชาวนาคนนี้พยายามเตรียมดินเพื่อทำการเพาะปลูก เขาไม่สนใจอะไรมากไปกว่าไร่นาของเขา ที่จะเจริญงอกงามได้ดีเพียงใด แต่ว่ายังไม่ทันได้ปลูกเขาก็ล้มป่วย และเสียชีวิตลง ลูกชายของเขาเป้นคนเกียจคร้าน เอาแต่ดื่มเหล้า ไม่ยอมสานต่อการทำไร่นาที่พ่อรักมาก จึงได้ปล่อยทิ้งร้าง จนกระทั่งต้องขายที่ดินไป วิญญาณพ่อที่ตายไปจึงไม่สงบ กลายเป็นโดโรทาโบะ ซึ่งมีร่างกายเป็นโคลน ในวันที่มีแแสงจันทร์ส่อง พวกชาวนาเสียงคร่ำครวญมากจากไร่นาไกลๆ มันเป็นเสียงของโดโรทาโบะต้องการที่ดินอันเป็นที่นักยิ่งของเขาคืน

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14 ธันวาคม 2008, 23:35:23 โดย albatross »

albatross

  • บุคคลทั่วไป
Re: ตำนานผีของญี่ปุ่น !!!!
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: 14 ธันวาคม 2008, 01:09:56 »

Mujina (ผีไร้หน้า)
เมื่อในสมัยโบราณชาวบ้านมักเล่าลือถึงความน่ากลัวของ มุจินะหรือปิศาจไม่มีหน้าแห่งเนินคะอุโนะคุนิซากะ ว่าเที่ยวหลอกหลอนผู้คนทั้งคืนจนไม่มีใครกล้าใช้ผ่าน ทาง เนินที่ว่านี้อยู่ในจังหวัดอิวาเตะสมัยก่อนที่นั่นเป ็นไร่นาไม่มีแสงไฟส่องถึง เนินทอดตัวยาวไปตลอดสุดทาง ด้านขวาเป็นกำแพงวังจักรพรรด ด้านซ้ายเป็นแม่น้ำและมีไร่นา ยามดึกคืนหนึ่งมีชายคนหนึ่งมุ่งหน้าเข้าเมือง เขาเร่งรีบและจำเป็นต้องผ่านเนินนั้นอย่างเลี่ยงไม่ไ ด้ เรื่องผีไม่มีหน้าเขาก็เคยได้ยินมา แต่เขาไม่ปักใจเรื่องเหนือธรรมชาติมาช้านาน ระหว่างที่ผ่านเนินนั้นอากาศยามค่ำคืนค่อนค่างหนาว เสียงจั๊กจั่นร้องระงม มองไปด้านข้างมีแต่ไร่นา เสียงลมพัดต้นหลิวดัง ฟู่ ฟู่ เป็นระยะ ในใจเขาคิดจะรีบผ่านไปให้เร็วที่สุด แต่แล้วเขาก็หยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงนวญอนงค์คร่ำค รวญบอบบาง เขาพบหญิงสาวใส่เสื้อผ้าชั้นดีมีปิ่นปักผมรัดเกล้าท่ าทางเหมือนจะเป็นคนในตระกูลขุนนางกำลังนั่งหันหลังร้ องไห้ปิดหน้าปิดตา เขาสงสารเกรงว่าเธอจะคิดสั้นกระโดดน้ำตายเลยเดินเขาไ ปหวังจะปลอบใจ แม่นาง แม่นาง มีอะไรให้ข้าช่วยใหม... นางผู้นั้นไม่ตอบกลับก้มหน้าร้องไห้ท่าเดียว เขาเลยตัดสินใจเดินเข้าไปไกล้ๆและพูดกล่อมเบาๆว่า "แม่นาง นี่ดึกแล้วที่นี่ก็น่ากลัวด้วย ท่านอย่ามาอยู่เพียงลำพังเลยนะ มันอันตราย ไหน หันหน้ามาหาข้าสิแล้วข้าจะพาท่านไปส่งเอง" หญิงผู้นั้นหยุดร้องไห้แล้วเงียบชะงักเหมือนจะเข้าใจ ที่เขาพูด "หันมาสิคนดี มากับข้าเถิด" ชายคนนั้นพยายามปลอบอย่างเต็มที่ แต่แล้วเขาก็ต้องร้องเสียงหลงออกมาอย่างบ้าคลั่ง เมื่อหล่อนนั้นหันหน้ามา... เธอไม่มีหน้า ไม่มีปาก ไม่มีจมูก ใบหน้าเธอเกลี้ยงเกลาเหมือนไข่ !!! และนางกระโดดเข้ากอดเขาไว้แน่น ชายผู้นั้นตกใจแทบเสียสติผลักเธออกไป และวิ่งหนีสุดชีวิต เหลือบหลังไปดูเหมือนเธอจะวิ่งตามมา เขาเลยเร่งหนี แต่แล้วสักระยะก็หายไปในความมืด ชายผู้นั้นเดินหนีมาได้สักระยะก็เห็นแสงไฟสว่างตรงหน ้า นั่นคือรถเข็นร้านบะหมี่โซบะนั่นเอง เขาเลยวิ่งเข้าไปสงบจิตใจในแสงสว่าง เขาก้มหน้าก้มตาเหนื่อยหอบแฮกๆ คนขายบะหมี่เลยถามว่า "ท่านไปเจออะไรมาเหรอ ท่าทางเหมือนโดนพวกผีปิศาจหลอกมา" "ก็โดนจริงๆนะสิ" ชายผู้นั้นตอบเสียงหนัก "ผู้หญิงอะไรก็ไม่รู้ ไม่มีหน้า ไม่มีตา ไม่มีจมูกหรือปาก มันน่ากลัวอะไรอย่างนี้" และแล้วคนขายบะหมี่ก็บอกว่า "เขาทำหน้าอย่างนี้ใช่ไหม" ว่าแล้วเขาก็เอาแขนเสือลูบหน้าตนเองและแล้ว หน้าเขาก็หายวูบไปหมด ไม่มีหน้า ตา จมูก ปาก หน้าขาวเกลี้ยงเหมือนไข่ปลอก!!! เหวอ! ชายคนนั้นร้องลั่นแล้วเป็นลมหมดสติไปทันใด และแล้วแสงตะเกียงก็ดับวูบลง...
นี่เป็นเรื่องประหลาดที่เกิดขึ้นที่เนินคะอุโนะคุนิซ ากะมาช้านาน ตำนานเล่าว่าปิศาจตัวนี้จะออกมาหลอกหลอนคนที่เดินผ่านทุกคืนตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน...


การาสุเทนกุ หรือ นกสามขา
ความเชื่อเรื่องนกสามขาที่มีอยู่ทั้งในแถบญี่ปุ่นและเกาหลี โดยทางญี่ปุ่นเชื่อว่าการาสุเทนกุ มีภาพลักษณ์ของปีศาจร้าย และมักจะสร้างพายุเข้าโจมตีผู้คนเสมอๆ ซึ่งประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ ถูกพายุถล่มบ่อยครั้ง การาสุเทนกุเป็นข้ารับใช้ของไดเทนกุ ซึ่งมักปรากฏภาพของไดเทนกุ ที่ล้อมรอบไปด้วยการาสุเทนกุ บางความเชื่อนั้นเชื่อว่าการาสุเทนกุไม่ได้เป็นผีร้าย ทั้งยังเป็นปีศาจที่รักสงบและสุภาพ แต่การกระทำร้ายๆนั้น เป็นเพราะการาสุเทนกุต้องทำตามคำสั่ง ของไดเทนกุ
ตามความเชื่อแล้ว การาสุเทนกุมีแต่เพศผู้ จะอาศัยอยู่ในป่าลึก เป็นผีที่คาดเดาไม่ได้ ตามเรื่องเล่ามักจะพฤติกรรมที่คาดเดาได้ยาก บางครั้งมันจะลักพาตัวเด็กๆ ไปทิ้งไว้ในป่า แล้วเฝ้ามองเด็กที่หลงทางอยู่ในป่า แต่บางเรื่องเล่าผู้คนก็บอกว่าเมื่อใดที่หลงป่า ให้ขอร้องให้การาสุเทนกุช่วยแล้วมันจะนำทางออกจากป่าให้ได้ การาสุเทนกุยังชอบปล่อยข่าวลือ สร้างความวุ่นวายให้มนุษย์ แต่บางคนกลับเชื่อว่าการาสุเทนกุชอบสงคราม อีกทั้งมันยังเชื่อว่ามนุษย์ไม่ควรมีอำนาจมากเกินไป เหตุการณ์การประท้วงหรือสงครามในสมัยก่อน จึงมักโทษว่าเป็นฝีมือของการาสุเทนกุที่ปล่อยข่าวลือ
การาสุเทนกุสามารถเรียกพายุได้ เชี่ยวชาญมนต์มายา และวิชาแปลงกาย มีพละกำลังมากทั้งยังเจนจัดการรบ เป็นสมุนที่พึ่งพาได้ของไดเทนกุ ซึ่งเป็นเทนกุที่มีลำดับชั้นสูงกว่า ลักษณะของการาสุเทนกุคล้ายกับมนุษย์นก ซึ่งมักไปไหนมาไหนด้วยการบิน แต่ว่าไดเทนกุจะใช้วิธีเคลื่อนย้ายในพริบตา มากกว่าการบินถ้าเป็นระยะทางสั้นๆ
การาสุเทนกุชื่นชมผู้กล้าที่กล้าต่อกรกับผู้นำทรราชย์ การาสุเทนกุจะช่วยเหลือเหล่าผู้กล้า ให้สามารถสู้เพื่อความยุติธรรมได้ จึงมีคนเชื่อว่าการที่ชื่อเสียงของการาสุเทนกุเสียหาย เป็นเพราะเหล่าผู้นำทรราชย์ที่สูญเสียอำนาจใส่ความการาสุเทนกุ ดังนั้นแม้ว่าในยุคปัจจุบันมนุษย์จึงมีความยำเกรงการาสุเทนกุ บางครั้งถึงกับเรียกว่าเป็น เทพพยาบาท เมื่อใดที่มนุษย์ล่มหลงในอำนาจ หรือผิดคำสาบาน การาสุเทนกุจะออกมาจากเขาแล้วทำลายผู้นั้นให้สิ้น
มีเรื่องเล่าหนึ่งเล่าว่า มีหญิงสาวคนหนึ่งที่สายตาย่ำแย่มาก เล็งอะไรไม่เคยแม่นยำเลย แต่ถูกการาสุเทนกุเข้าสิง และในฝันการาสุเทนกุได้สอนวิชาดาบให้กับเด็กผู้หญิงคนนั้น จนเธอกลายเป็นนักดาบที่ร้ายกาจและมีชื่อเสียง บางข่าวลือก็เล่าว่า เหล่าชิโนบิหรือนินจา คือเหล่าผู้ที่ได้รับการฝึกฝนวิชาจากการาสุเทนกุ
เรื่องเล่าที่มีชื่อเสียงเกี่ยวกับการาสุเทนกุ คือ เรื่องราวของ มินาโมโตะ โนะ โยชิซึเนะ (Minamoto no Yoshitsune) ซึ่งเดิมชื่อว่าอุชิวากะมารุ เป็นลูกชายของ โยริโทโมะซึ่งเป็นเจ้าเมืองที่ถูกลอบสังหาร แต่อุชิวากะมารุได้รับการไว้ชีวิต อุชิวากะมารุจึงออกบวช และเร้นกายอยู่ในวัดแถบหุบเขาคุรามะ มีอยู่วันหนึ่ง อุชิวากะมารุได้ไปพบกับการาสุเทนกุเข้า การาสุเทนกุรู้สึกถูกชะตากับอุชิวากะมารุ จึงสอนเพลงดาบให้ จนอุชิวากะมารุเป็นนักดาบที่เก่งกาจ และสามารถรวบรวมกองกำลัง ชิงอำนาจกลับคืนมาได้เป็นผลสำเร็จ และได้เป็น มินาโมโตะ โน โยชิซึเนะ
ในภาพยนตร์เรื่อง จูมง นกสามขาเป็นสัญลักษณ์ของจูมง และเนื่องจากว่านกสามขากับการาสุเทนกุมีลักษณะที่คล้ายกัน ซึ่งภาพลักษณ์ของการาสุเทนกุไม่ค่อยดีนัก ทำให้ธิดาเทพยองมีอึนที่มองเห็นการมาของนกสามขาทำนายผิดพลาดไป คิดว่าจูมงจะเป็นกาลกีณีกับแคว้นพูยอ ต้องหาทางกำจัดเสีย ซึ่งธิดาเทพลืมไปว่าการาสุเทนกุยังมีนิสัยชอบช่วยเหลือผู้กล้า ที่ลุกขึ้นต่อสู้กับผู้นำทรราชย์ ภายหลังธิดาเทพยองมีอึน จึงนับถือการาสุเทนกุเป็นเทพคุ้มครอง

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14 ธันวาคม 2008, 23:38:09 โดย albatross »

albatross

  • บุคคลทั่วไป
Re: ตำนานผีของญี่ปุ่น !!!!
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: 14 ธันวาคม 2008, 01:28:23 »

รูปคับ....
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14 ธันวาคม 2008, 23:32:45 โดย albatross »

momotaro

  • บุคคลทั่วไป
Re: ตำนานผีของญี่ปุ่น !!!!
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: 14 ธันวาคม 2008, 02:10:21 »

ขอบคุณครับ

Nick2005

  • บุคคลทั่วไป
Re: ตำนานผีของญี่ปุ่น !!!!
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: 14 ธันวาคม 2008, 11:21:41 »

ขอบคุณครับ แต่อยากได้ภาพประกอบง่ะ     jhgf

albatross

  • บุคคลทั่วไป
Re: ตำนานผีของญี่ปุ่น !!!!
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: 14 ธันวาคม 2008, 23:38:52 »

เอารูปลงให้ตามคำเรียกร้องคับ  kjhgf

GOWA

  • บุคคลทั่วไป
Re: ตำนานผีของญี่ปุ่น !!!!
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: 15 ธันวาคม 2008, 09:35:41 »

ผีญี่ปุ่นนี่จะว่าหน้ากลัวก็น่ากลัว จะว่าไม่น่ากลัวก็ไม่น่ากลัว
แต่ละตัวแปลกๆยังไงก็ไม่รู้