สวรรค์ชั้นฟ้า สูงขึ้นจากชั้นจาตุมหาราชิกา ชื่อว่า
ดาวดึงส์
ตั้งอยู่เหนือภูเขาสิเนรุ
เป็นพระนครยิ่งใหญ่กว้างขวางมาก มีเนื้อที่ถึงหนึ่งหมื่นโยชน์
ล้อมรอบด้วยกำแพงแก้วสูงสิบหกโยชน์ มีประตูเข้าออกถึง ๑๐๐๐ แห่ง
อีกทั้งมีปราสาทยอดสุดสวยงามอยู่เหนือประตูทุกแห่ง ขณะที่เปิดประตูแต่ละครั้ง
จะปรากฏเสียงดนตรีอันไพเราะเพราะพริ้งกังวานขึ้น และแสนเสนาะโสตยิ่งนัก
ภายในนครอันยิ่งใหญ่สวยงามนี้ มีอุทยานใหญ่ ๆ ซึ่งดารดาษด้วย
ดอกไม้แสนสวยงามสีสวย ระรื่นหอม อยู่ ๔ แห่งด้วยกัน คือ
ทิศตะวันออก มีอุทยานใหญ่ ชื่อ นันทวัน
ทิศตะวันตก มีอุทยานชื่อ จิตรลดาวัน
ทิศเหนือ มีอุทยานชื่อ สักกะวัน
ทิศใต้ มีอุทยานชื่อ ผรุสกวัน
นอกจากนั้นยังมี สระโบกขรณี มีน้ำใสดังแผ่นกระจก
รอบสระประดับด้วยก้อนหินมีรัศมีสีสวย มีแท่นที่นั่งเล่นขาวสะอาดสวยงาม
เหล่าเทพบุตรเทพธิดาย่อมมาหาความสำราญ ณ สวนสวรรค์เหล่านี้เสมอ
ณ ใจกลางพระนคร มีปราสาทอันงดงามที่สุดในสวรรค์ชั้นนี้ ชื่อ
"ไพชยนต์มหาปราสาท" สร้างขึ้นด้วยแก้ว ๗ ประการ สูงถึงพันโยชน์
ล้อมรอบด้วยกำแพงแก้ว ๗ ประการ หาปราสาทใดในสามโลกมาเปรียบปานมิได้
และภายในไพชยนต์มหาปราสาทนั้น มีวิมานทองหลังหนึ่งสูง ๗๐๐ โยชน์
ประดับประดาด้วยแก้ว ๗ ประการ เช่นเดียวกัน
ปราสาทไพชยนต์ นี้ เป็นที่ประทับขององค์เทพผู้เป็นเทวาธิราช พระนามว่า
สมเด็จพระอมรินทราธิราช หรือเรียกตามภาษาชาวบ้านว่า "พระอินทร์"
นอกจากนั้น ยังมีปราสาทแก้วอันงดงามหลังอื่น ๆ ที่แวดล้อมไพชยนต์มหาปราสาท
อยู่อีก ๓๒ หลัง เป็นที่อยู่ของเทพผู้ใหญ่สหายของพระอินทร์ ๓๒ องค์
***************************************************
มีสถานที่สำคัญที่สุดอยู่แห่งหนึ่ง ณ เมืองฟ้า ชั้นดาวดึงส์นี้ นั่นคือ พระจุฬามณีเจดีย์
ตั้งอยู่ด้านทิศอาคเนย์ หรือตะวันออกเฉียงใต้ของพระนคร เป็นเจดีย์ทรงสันฐานใหญ่
สร้างด้วยแก้วอินทนิล ตั้งแต่กลางองค์ถึงยอดเจดีย์ทำด้วยทองคำแท้
แล้วประดับด้วยแก้ว ๗ ประการ
พระจุฬามณีเจดีย์ นี้ มีส่วนสูงถึงแปดหมื่นวาล้อมรอบด้วยกำแพงทองคำล้วน
และกำแพงแต่ละด้านยาวถึงหนึ่งแสนหกหมื่นวา นับว่าเป็นพระเจดีย์ที่งดงาม
โอฬาริกที่สุด
พระจุฬามณีเจดีย์ สร้างขึ้นโดยพระอินทร์ เทวาธิราชแห่งสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
เพื่อเป็นที่บรรจุพระเกศโมลีของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ทรงตัดขณะที่
เสด็จออกบรรพชา และยังมีพระบรมธาตุเขี้ยวแก้วเบื้องขวาของ
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งพระอินทร์ได้จาก โทณพราหมณ์
ผู้แบ่งพระบรมธาตุ หลังจากที่พระพุทธองค์ปรินิพพานแล้ว
พระจุฬามณีเจดีย์นี้ นับว่าเป็นปูชนียสถานสำคัญของสวรรค์ชั้นฟ้า
เทวดาทั่วหน้าและทุกชั้น ตั้งแต่ชั้นต่ำสุดจนถึงสูงสุด ต่างก็มากราบไหว้
นมัสการกันเป็นประจำ แม้แต่พระอินทร์และเทพบริวารของพระองค์
ต่างก็ถือดอกไม้ของหอมมากระทำประทักษิณ เวียนเทียน เสมอมิได้ขาด
กระทั่งพระสาวกผู้มีฤทธิ์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังเหาะขึ้นไปนมัสการ
พระจุฬามณีเจดีย์นี้ ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์
*************************************************
นอกเมืองดาวดึงส์ออกไป ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ มีอุทยานใหญ่อีกแห่งหนึ่ง
ชื่อว่า ปุณฑริกวัน มีกำแพงล้อมรอบทั้ง ๔ ด้าน กลางสวนมีไม้ทองหลางใหญ่ต้นหนึ่ง
เป็นไม้ทิพย์ชื่อว่า ปาริชาต
ต้นปาริชาต นี้ จะมีดอกบานครั้งหนึ่ง ต่อเมื่อครบหนึ่งร้อยปี พูดง่าย ๆ ว่าร้อยปี
จะดอกบานครั้งหนึ่งและขณะที่ดอกปาริชาตนี้บาน จะมีรัศมีเรืองไปไกลถึงแปดแสนวา
และเมื่อลมพัดไปทางทิศใดย่อมมีกลิ่นหอมฟุ้งไปทิศนั้นไกลแสนไกล
กลิ่นหอมนั้นจะตลบอบอวลอยู่ทั่วบริเวณสวรรค์ชั้นนี้นานเท่านาน
กล่าวกันว่า ยามที่ดอกปาริชาตนี้บาน จะมีเหล่าเทพบุตรเทพธิดา
มาเล่นสนุกสนานใต้ต้นปาริชาตนี้เป็นจำนวนมากและกลิ่นปาริชาต
ที่โชยโรยรินมาต้องเทพบุตรเทพธิดาองค์ใด จะช่วยทำให้เทพบุตรเทพธิดาองค์นั้น
ระลึกชาติได้อย่างอัศจรรย์
และหากเทพบุตรเทพธิดาองค์ใด ต้องการดอกปาริชาตมาทัดหูบ้าง
เพียงแต่เข้าไปภายใต้ต้นและยื่นมือออกไป ดอกปาริชาตก็จะลงมาถึงมือเอง
ราวกับรู้ใจของเขา แต่ถ้าเขายังรับไม่ทัน ดอกไม้ก็จะลอยอยู่บนอากาศ
อยู่มิให้ตกถึงพื้นจนกว่าจะมีเทวดาผู้ต้องการยื่นมือมารับ
ณ ใต้ร่มปาริชาตินี้เอง มีแท่นศิลาอันหนึ่งชื่อว่า บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์
มีสีแดงดังดอกชบา และอ่อนนุ่มดังฟูกทิพย์ ขณะที่พระอินทร์นั่ง
แผ่นศิลานี้จะอ่อนยุบลงและเมื่อพระองค์ลุกขึ้น แท่นศิลาก็จะคืนเต็มตามเดิม
แท่นบัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ เป็นแท่นที่มีชื่อเสียงชาวโลกรู้จักกันดี
เพราะเวลามีเหตุเดือดร้อนในเมืองมนุษย์ แท่นนี้ขณะที่พระอินทร์นั่ง
จะไม่อ่อนยุบลงเหมือนปกติ แต่จะแข็งกระด้างดังศิลา หรือร้อนระอุ
ราวกับถูกเผาด้วยไฟ เป็นเครื่องหมายว่ามีเรื่องร้ายกับผู้มีบุญใน
เมืองมนุษย์พระอินทร์ต้องลงมาช่วย
**************************************************
ห่างจากต้นปาริชาตไม่เท่าใดนัก มีศาลาใหญ่หลังหนึ่งตั้งตระหง่านงดงามที่สุด
นามว่า ศาลาสุธรรมมาเทวสถาน มีอาณาบริเวณกล้างขวางใหญ่โตมาก
พื้นศาลาทำด้วยแก้วผลึก และประดับด้วยแก้ว ๗ ประการ ล้อมรอบ
ด้วยกำแพงทองอันล้ำค่า
ที่ศาลาสุธรรมานี้ มีดอกไม้สวรรค์ชนิดหนึ่งชื่อว่า อสาพตี
เป็นดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมฟุ้งจรุงใจยิ่งกว่าดอกปาริชาต
และนานหนักหนากว่าจะบานสักครั้ง กล่าวกันว่าต้องใช้เวลาเป็นพันปี
จึงจะบานครั้งหนึ่ง ขณะที่ใกล้จะบานเทวดาทั้งหลายจะมาเปลี่ยนเวรกันเฝ้า
รอการบานของดอกไม้สวรรค์นี้
ศาลาสุธรรมา ใช้เป็นที่ประชุมใหญ่ชของเทวดาบนสวรรค์ ภายในพื้นศาลาอันวิจิตร
มีธรรมาสน์แก้วขนาดใหญ่หลายวาและสวยงามนักหนา เป็นธรรมาสน์ประจำ
อยู่ที่ศาลา นอกจากนี้ มีทิพย์อาสน์ที่ประทับของพระอินทร์จอมเทพ
และที่นั่งของเทพสหายของพระอินทร์ ๓๒ องค์
ต่อจากนั้นก็เป็นที่นั่งของเทพทั้งหลาย ลดหลั่นกันไปตามฐานะ
กล่าวกันว่า ณ ศาลาสุธรรมานี้ นับเป็นที่น่ารื่นรมย์
ชวนชมกว่าแห่งอื่นในสวรรค์ชั้นฟ้าทั้งมวลจนเป็นที่พูดกันติดปากว่า
"รื่นรมย์เหมือนศาลาสุธรรมา"
ศาลาสุธรรมา จะมีการประชุมเทวดาทุกวันธรรมสวนะ หรือวันพระ
โดยเหล่าทวยเทพจะมาประชุมพร้อมกัน ณ ศาลาสุธรรมา
ต่อจากนั้นจะมีพรหมองค์หนึ่ง นามว่า พรหมกุมาร ซึ่งเป็นผู้ทรงธรรม
เสด็จลงมาจากพรหมโลก มาประทับบนธรรมาสน์อันวิจิตร
แสดงธรรมแก่บรรดาทวยเทพทั้งหลายเป็นประจำ
บางครั้งก็จะมีองค์เทพผู้เชี่ยวชาญในการแสดงธรรม
มาแจกแจงแทนพรหมกุมาร หรือมิฉะนั้น บางโอกาสจะเป็นการประชุมใหญ่
ของเทวสภา โดยพระอินทร์จอมเทพ จะเป็นผู้นำแผ่นทองที่จารึกชื่อมนุษย์
ผู้สร้างบุญกุศล และจะมาบังเกิดเป็นเทวดาบนสวรรค์ในแต่ละครั้ง
ซึ่งทำให้มลทวยเทพที่จารึกแซ่ซ้องสาธุการ ต้อนรับเพื่อนใหม่กัน
อย่างเอิกเกริกและปิติยินดีเป็นที่สุดทุกครั้งไป
**********************************************
อายุของเทวดาชั้นดาวดึงส์
เทวดาที่มาบังเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ อันมีชื่อเสียง ภายใต้การปกครอง
ของพระอินทร์นี้ จะมีอายุเสวยทิพย์สมบัติอยู่นาถึง ๑ พันปีทิพย์ หรือ
สามล้านโกฏิปี หากนับปีของมนุษย์ และส่วนมาก สวรรค์ชั้นดาวดึงส์นี้
จะมีผู้มาบังเกิดมากเพราะเป็นสวรรค์ชั้นมาตรฐาน
แม้เทพบางองค์ที่ทำบุญไว้มากมายก่อนที่จะไปเกิดบนสวรรค์ชั้นสูงกว่านี้
ยังต้องมาเกิดบนชั้นดาวดึงส์ก่อนพักหนึ่ง
แล้วจึงไปอุบัติบนสวรรค์ชั้นสูงสูงต่อไป
บุญกรรมของผู้จะไปบังเกิด
ผู้ที่จะไปเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ต้องเป็นผู้ที่มีจิตบริสุทธิ์
มีการงานสะอาดปราศจากทุจริตทั้งปวง นิยมการบริจาคทาน
เคารพนับถือและเลี้ยงดูพ่อแม่ ตลอดจนญาติผู้ใหญ่ในตระกูล
ด้วยจิตใจเปี่ยมไปด้วยกตัญญูรู้คุณอย่างแท้จริง
มิใช่เลี้ยงดูเพื่อหวังสมบัติพัสถานที่ท่านมีอยู่
พอท่านแบ่งให้โอนให้แล้วก็เลิกเลี้ยงดูเสีย
ผู้ที่ปฏิบัติได้เช่นนี้
เมื่อสิ้นชีวิตก็จะได้ไปบังเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
อย่างแน่นอน ไม่เชื่อก็ลองดู จะได้รู้เอง...