-->

ผู้เขียน หัวข้อ: กรรมจากการทำแท้ง โดย คณะนฤมิตธรรมมิกกาวาส  (อ่าน 1420 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

lonely boy

  • บุคคลทั่วไป

กรรมจากการทำแท้ง


 


"กิจโฉ มนุษะ ปฏิภาโพธิ์" การเกิดเป็นมนุษย์นั้นแสนยาก
เป็นพระพุทธพจน์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ในครั้งหนึ่งพระสารีบุตรเคยทูลถามพระพุทธองค์ว่า...


"การเกิดเป็นมนุษย์นั้นมีโอกาสมากน้อยเพียงใดพระเจ้าข้าฯ"
พระพุทธองค์ไม่ตรัสอะไรเลย แต่ทรงใช้นิ้วมือแตะลงบนพื้นดินแล้วชูขึ้น
ตรัสตอบกับพระสารีบุตรว่า...


"มีเพียงแค่นี้... สารีบุตร" นั้นหมายถึงสรรพสัตว์ที่ต้องไปเวียนว่ายตายเกิด
ในภพภูมิต่างๆ มีจำนวนมากเทียบเท่ากับดินทั่วไปทั่วพื้นปฐพีแต่ที่สามารถ
เกิดไปเป็นมนุษย์ได้... มีเพียงแค่ดินที่ติดปลายนิ้วของพระพุทธองค์เท่านั้น


การทำแท้ง คือ การฆ่าคน เป็นฆาตกรฆ่าลูกในไส้ของตนเอง ไม่ว่าผู้นั้นขึ้นชื่อว่าแม่หรือพ่อก็ล้วนเป็นหุ้นส่วน
กรรมมหันต์นี้ด้วยกันทั้งคู่ ไม่ต้องโยนบาปให้กันและกัน ไม่ต้องโยนผิดป้ายโทษว่าใครเป็นต้นเหตุ
สุดท้ายได้รับกรรมอย่างสาสมด้วยกันทั้งคู่ ความจริงเรื่องการทำแท้งเป็นผลสุดท้ายของความชั่ว
ที่ได้รับการไตร่ตรอง วางแผนทำลายหลักฐานการก่อความชั่ว ส่วนเหตุนั้นมาจากการที่บุคคลขาดการสำรวม
ทั้งกายกรรม วจีกรรม และมโนกรรม เห็นความมักมากในกามอารมณ์เป็นของสนุกอย่างไร้ยางอาย
ขาดความศรัทธาและขาดความเคารพในธรรม ไม่เชื่อเรื่องบาปบุญคุณโทษ
ความประพฤติที่ประมาทท้าทายต่อธรรม ในเกรงกลัวไม่ละอายต่อบาปใดๆ ทั้งสิ้น


ผลกรรมจากการทำแท้งพระพุทธองค์ยังได้ตรัสอีกว่า...
ผู้ที่เคยทำแท้ง ขณะมีชีวิตจะได้รับผลกรรมสนองจากโรคร้าย ป่วยหนัก อายุสั้น
การถูกขัดขวางไม่ให้พบความเจริญ มีความฉิบหายมาสู่ตนอย่างหาสาเหตุไม่ได้...

--------------------------------------------------------------------------------

lonely boy

  • บุคคลทั่วไป
Re: กรรมจากการทำแท้ง โดย คณะนฤมิตธรรมมิกกาวาส
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 22 กุมภาพันธ์ 2011, 12:38:36 »

ครั้นจบชีวิตแล้ว จิตวิญญาณต้องได้รับโทษทัณฑ์ที่แสนสาหัสในนรกภูมิเป็นเวลาอันยาวนาน
มิอาจประมาณได้ และยิ่งถ้าหากเด็กผู้ตายนั้นมีจิตอาฆาตพยาบาทด้วยแล้วยิ่งลำบากหนัก
เพราะจิตอาฆาตนั้นจะเฝ้าจองเวรกันทุกลมหายใจเข้าออก ทำให้ชีวิตไม่เป็นสุขทุกข์ทรมาน
ต้องพบกับความล้มเหลวอย่างไม่น่าจะเป็นไปได้ หรือบางท่านพบแต่ความทุกข์ระทมล้มละลายทั้งชีวิต
การงาน และชีวิตครอบครัวหาความสงบสุขได้ยาก ต้องชดใช้กรรมกันอย่างสาสม จนกว่าแรงกรรมนั้น
จะได้ชำระกันจนหมดสิ้น หรือจนกว่าเป็นที่เพียงพอของจิตวิญญาณนั้นที่สุดยกให้เป็นอโหสิ




มีตัวอย่างเกี่ยวกับการทำแท้งไว้ให้เป็นอุทาหรณ์ บางท่านอ่านแล้วอาจจะไม่รู้สึกอะไร
แต่บางท่านถ้ารู้สึกว่าเรื่องบาปกรรมมันน่ากลัวก็ควรรีบละบาป และเร่งสร้างบุญให้จงมากจะดีกว่า
เคยมีสตรีหลายท่านที่เคยมาปรึกษาปัญหาชีวิตกับข้าพเจ้า ในขณะที่ข้าพเจ้าได้ตรวจดวงชะตา
และเปิดกรรมบุคคลเหล่านั้น พบว่าเคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำแท้ง ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม
ไม่ว่าจะเป็นการทำแท้งด้วยเจตนาหรือไม่เจตนาก็ตาม ซึ่งผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำแท้งทั้งหมด
ไม่ว่าจะเป็นคนพาไปหรือแนะนำสถานที่ หรือแม้แต่ให้ยืมเงินเพื่อนำไปทำแท้งก็ตาม
ก็ล้วนได้ขึ้นชื่อว่ามีส่วนร่วมในการกระทำนั้นแล้ว


สำหรับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำแท้ง เมื่อข้าพเจ้าได้ใช้จิตสัมผัสดูแล้วก็พบว่า มีดวงวิญญาณเด็ก
ซึ่งเป็นเจ้ากรรมนายเวรที่ติดตามด้วยความอาฆาตพยาบาทอันเป็นเหตุให้ชีวิตในปัจจุบันล้มเหลว
ด้านการงานก็มักมีอุปสรรคติดขัดไปเสียทุกอย่าง ทำมาหากินก็ไม่ขึ้น และมักมีอาการปวดศีรษะ
โดยไม่ทราบสาเหตุ หรือบางทีก็มักปวดท้องขึ้นมาจนไม่เป็นอันทำงาน
ปัญหาเหล่านี้คือ ความวิบัติอันสืบเนื่องมาจากกรรมที่เคยทำแท้งไว้


หลายคนเมื่อสำนึกถึงบาปกรรม ก็พยายามแสวงหาวิธีการทำบุญด้วยวิธีการต่างๆ โดยหวังว่า
ชีวิตตนจะดีขึ้น เช่น ปล่อยนกปล่อยปลา ทำบุญโลงศพ ทำบุญกับมูลนิธิเด็กกำพร้า ฯลฯ
เเต่แล้วชีวิตยังไม่เปลี่ยนเเปลงในทางที่ดีขึ้น เป็นเพราะว่าบุญที่วิญญาณเด็กได้รับยังไม่เพียงพอ
แก่การอโหสิกรรม หรือเป็นการทำบุญที่ยังขาดองค์ประกอบสำคัญนั่นก็คือ...
"การส่งวิญญาณเด็กไปเกิด" (หรือไปสู่ภพภูมิที่ดี) 
     

กรรมนิยาม
ดูรายละเอียดของ
ค้นหาโพสเพิ่มเติมของ กรรมนิยาม
กรรมนิยาม Donation Stats
View กรรมนิยาม's Videos 

 17-11-2010, 12:49 PM    #3 
กรรมนิยาม
สมาชิก
 
 
 

วันที่สมัคร: Nov 2010
ข้อความ: 32
พลังการให้คะแนน: 0
 สำหรับท่านที่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำแท้ง และต้องการให้ดวงวิญญาณเด็กอโหสิกรรมนั้น
จำเป็นจะต้องส่งวิญญาณเด็กไปเกิด (หรือไปสู่ภพภูมิที่ดี) ควรทำบุญดังนี้...



ลำดับที่หนึ่ง ให้ตั้งชื่อให้กับดวงวิญญาณเด็กที่แท้ง เช่น ตั้งชื่อ "น้องหนูดี" หลังจากนั้นเวลาทำบุญครั้งใดก็ให้อุทิศให้ชื่อนั้นๆ



ลำดับที่สอง เตรียมชุดสังฆทาน ประกอบด้วย ดังนี้...
พระพุทธรูปปางสะดุ้งมาร ขนาด ๓ นิ้วขึ้นไป จำนวน ๑ องค์
ชุดผ้าไตรจีวร ๑ ชุด
อาหารคาว และอาหารหวาน
ผลไม้ที่จำเป็นต้องมี คือ กล้วย ๑ หวี และขนุน ๑ ถาด
เสื้อผ้าเด็กอ่อน ๑ ชุด
สิ่งของที่จำเป็นกับพระสงฆ์ เช่น ผงซักฟอก, ยาสีฟัน, สบู่, ธูปเทียน, ยารักษาโรค ฯลฯ (ไม่จำเป็นต้องเป็นแบบสำเร็จที่เป็นถังสีเหลือง แต่ให้พิจารณาเลือกสิ่งของที่มีคุณภาพและจำเป็นกับพระสงฆ์)

ลำดับที่สาม เมื่อถึงวันที่จะไปถวายสังฆทานกับพระสงฆ์ ให้สวดมนต์ไหว้พระและอาราธนาศีลห้าก่อน


ลำดับที่สี่ ก่อนออกจากบ้านให้จุดธูป ๑ ดอก เพื่ออันเชิญดวงวิญญาณเด็กให้ไปรับบุญที่วัด และบอกกล่าวถึงความตั้งใจที่จะส่งดวงวิญญาณให้ไปเกิด


ลำดับที่ห้า เมื่อเดินทางมาถึงวัดแล้ว ให้ไหว้พระประธาน ด้วยธูป ๓ ดอก แล้วตั้งจิตอธิษฐานการมาถวายสังฆทานเพื่อส่งวิญญาณเด็กไปเกิด และขออาราธนาบารมีแห่งพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ และสังฆานุภาพ ได้โปรดนำส่งวิญญาณเด็กที่แท้งได้ไปเกิด (หรือไปสู่ภพภูมิที่ดี)


ลำดับที่หก ถวายสังฆทานกับพระสงฆ์ โดยบอกวัตถุประสงค์ของการมาทำสังฆทานในครั้งนี้กับพระสงฆ์ด้วยว่า "...เพื่ออุทิศบุญกุศลให้กับวิญญาณเด็กที่จะเกิดแล้วไม่ได้เกิด ทั้งที่ข้าพเจ้าตั้งใจก็ดี ไม่ตั้งใจก็ดี ระลึกได้ก็ดี ระลึกไม่ได้ก็ดี รู้เท่าถึงการณ์ก็ดี รู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี..."


ลำดับที่เจ็ด เมื่อถวายสังฆทานเสร็จแล้ว ให้กรวดน้ำให้กับวิญญาณเด็ก โดยตั้งจิตอธิษฐานดังนี้ "ขออาราธนาบารมีแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย อันมีคุณพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสังฆเจ้า และผลบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญมาตั้งแต่อดีตชาติจนถึงวันนี้ และอานิสงค์ผลบุญแห่งการถวายสังฆทานในครั้งนี้ ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลให้กับวิญญาณเด็ก (ระบุชื่อด้วย) ที่จะเกิดแล้วไม่ได้เกิด ทั้งที่ข้าพเจ้าตั้งใจก็ดี ไม่ตั้งใจก็ดี ระลึกได้ก็ดี ระลึกไม่ได้ก็ดี รู้เท่าถึงการณ์ก็ดี รู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี ขอให้มาร่วมอนุโมทนาบุญนี้ เมื่ออนุโมทนาบุญแล้วขอให้ได้รับบุญกุศลนี้ ขอให้พ้นจากความทุกข์ มีแต่ความสุขยิ่งๆ ขึ้นไป ผลบุญนี้ขอนำส่งให้ท่านไปสู่ภพภูมิที่ดียิ่งๆ ขึ้นไป และได้โปรดเมตตาอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้าด้วยเทอญฯ"


ลำดับที่เเปด หลังจากนั้นให้หมั่นรักษาศีล ไหว้พระสวดมนต์ นั่งสมาธิอย่างต่อเนื่อง และหาเวลาไปปฏิบัติธรรมติดต่อกันอย่างน้อย ๓ วันหรือ ๗ วัน เพื่ออุทิศบุญกุศลให้กับวิญญาณเด็ก