-->

ผู้เขียน หัวข้อ: พัฒนาเมืองใหม่โดยใช้ KM  (อ่าน 431 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

don

  • บุคคลทั่วไป
พัฒนาเมืองใหม่โดยใช้ KM
« เมื่อ: 10 ธันวาคม 2008, 04:41:58 »



เราคงเคยได้ยินมาบ้างแล้วว่า...ประเทศไทยมีโครงการที่จะขุดคอคลอดกะในภาคใต้เพื่อการสร้างความได้เปรียบทางทำเลที่ตั้งซึ่งจะทำให้ธุรกิจดีขึ้น แต่ผู้เขียนขอบอกคำเดียวนะครับว่า?อย่า? อย่าเพิ่งทำอะไรโดยที่ยังไม่ได้ศึกษาข้อมูลอย่างถ่องแท้ทุกด้าน อย่ามองเรื่องเศรษฐกิจอย่างเดียว ควรมองเรื่องการเมืองและสังคมรวมถึงความมั่นคงด้วย


ผู้เขียนเคยลองคิดเล่นๆว่าทำไมเราจะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นไม่ได้โดยไม่ต้องขุดคลองแบ่งแยกแผ่นดิน จริงๆแล้วน่าจะลองคิดถึงการสร้างสะพานข้ามเลยมากกว่า ระยะทางก็แค่ไม่เกิน 100 กิโลเมตรเอง ทางยกระดับบางนาก็ทำมาแล้ว ส่วนใต้ดินก็ขุดวางท่อทำอุโมงค์ส่งน้ำมันหรือสินค้าที่เป็นของเหลวผ่านไทยไปยังประเทศต่างๆในทะเลจีนใต้หรือกลับกันก็เป็นได้ ภาคใต้เราคงเป็นท่าเทียบเรือใหญ่ของทวีปเอเซียเป็นแน่ ย้ายท่าเทียบเรือส่วนกลางไประยองหรือจันทบุรีส่งเสริมอุตสาหกรรมทางน้ำจะมีการสร้างงานและนำเข้ารายได้อีกมหาศาลและสร้างความเจริญทั้งสองภาค
 
ลองคิดดูว่าถ้ามีเรือมาจอดเทียบท่า ส่งสินค้าขึ้นและส่งต่อช่วงจะทำให้ประเทศมีศักยภาพมากขึ้น ทำสนามบินรองรับการขนส่งทางอากาศที่ไม่ใช้เพื่อการโดยสารอีกสองแห่งคือที่ชุมพรและจันทบุรี ก็มีแนวโน้มที่จะทำให้เพื่อนบ้านต้องตระหนกตกใจเป็นแน่ ไม่ต้องใช้เงินประเทศไทยด้วยใช้เงิน ADB (Asian Development Bank) การขนส่งในบ้านเราต้องถูกพัฒนาอย่างใหญ่และการพัฒนานั้นจะส่งผลดีต่อมวลรวมในระบบขนส่งของประเทศ ลองหลับตาคิดดูความเจริญที่จะเกิดขึ้นซิครับ แต่ไม่ต้องเป็นห่วงถึงความเลอะเทอะเละเทะนะ มีเมืองใหญ่ๆเกิดใหม่ในโลกหลายเมืองก็ศึกษาจากเขาซิครับ
 
แต่ก็อย่าเพิ่งเชื่อหรือคล้อยตามนะครับ ยิ่งคัดค้านด้วยเหตุด้วยผลก็ยิ่งดีครับ ในกระบวนการการสร้างเศรษฐกิจฐานความรู้นั้น มีกฏเหล็กอยู่สามข้อคือ คิด ถาม ทำ อย่าข้ามขั้นตอนนะครับ ตอนนี้ที่ผมเขียนไปก็เป็นแค่เพียงความคิดเท่านั้นยังไม่ได้ถามใครต่อใครเลยทั้งผู้เชี่ยวชาญ นักธุรกิจ รัฐบาล และคนในพื้นที่ คาดว่าจะใช้เวลาอย่างต่ำก็ 3 ปีขึ้นไป แต่อย่าช้ากว่านั้นนะครับเดี๋ยวจะเป็นโครงการที่ถูกระงับจากผู้ที่เสียผลประโยชน์ ผู้เขียนรอความหวังจากรัฐบาลที่จะมาอยู่ครบเทอมและเริ่มลงมือทำก่อนในปีแรกเลยจะได้ทัน

ท่านผู้อ่านพอมองเห็นรึยังครับว่ามันเป็นไปได้จริงๆขอให้เราศึกษา นำเอาองค์ความรู้จากทุกคนทุกด้านมาบริหารจัดการให้ดีแล้วจะไม่พลาด มีกฏอีกข้อที่ผู้เขียนอยากจะฝากในการสร้างฐานความรู้คือต้องฟังคนอื่นให้มากๆ อย่าคิดว่าตัวเองรู้ทุกเรื่องเก่งทุกอย่าง อันนี้อันตรายขอบอก ความรู้ที่ได้มาต้องมีการพิสูจน์แล้วเท่านั้นว่าทำได้จริง ดีจริง คุ้มค่าจริง และที่สำคัญอย่าโต้เถียงกันโดยใช้แค่อารมณ์ ท่านคงจะเคยเห็นอยู่บ่อยๆว่าองค์กรในประเทศไทยหลายองค์กรไม่ก้าวหน้าไปไหนก็เพราะผู้นำที่ไม่ฟังใคร ทีมงานก็ไม่เปิดใจซึ่งกันละกันมีแต่จะคอยทำงานเอาใจผู้ใหญ่ในทำนองนายว่าขี้ข้าพลอย อย่างนี้โอกาสที่จะจัดการความรู้เพื่อประโยชน์สูงสุดขององค์กรหรือประเทศคงเป็นไปได้ยาก
 
มหาอำนาจทางทหารกับการเป็นผู้นำในเอเซียต้องยอมรับว่ามันก็อยู่ที่ลักษณะของภูมิประเทศ ทำไมสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่นและจีนถึงแย่งกันลงทุนในเวียตนาม การย้ายฐานจากซูบิกเบย์ในฟิลลิปปินส์ของกองทัพสหรัฐ ยุทธศาสตร์ใหม่ที่เหมาะสมที่สุดในสมรภูมิน่าจะเป็นเมืองดานังของเวียตนาม  แต่ก็อีกนั่นแหละผู้เขียนก็แค่สงสัยว่าแล้วทำไมไม่ใช้อ่าวไทยในบริเวณจังหวัดชายทะเลในภาคใต้ เราเคยคิดที่จะศึกษาก่อนหรือเปล่าว่าการอยู่ร่วมกันของชุมชนปัจจุบันอาจมีโอกาสที่จะต้อนรับความเจริญมาสู่พวกเขาก็ได้ แต่ส่วนใหญ่มักจะขัดขวางความคิดและการศึกษาโดยใช้คำว่าเป็นไปไม่ได้มาเป็นบรรทัดฐานเสียก่อนแล้ว

ผู้เขียนมีโอกาสได้เข้าโรงเรียนเรื่องการสร้างสังคมสันติสุขของสถาบันพระปกเกล้า ที่ต้องการจะลดปัญหาความขัดแย้ง จึงได้รู้แจ้งเห็นจริงว่าในความเป็นจริงนั้นทุกฝ่ายพร้อมที่จะฟังซึ่งกันและกันและหันหน้ามาเจรจากัน แต่ส่วนใหญ่โอกาสนั้นไม่ค่อยจะเปิดเท่าไหรก็ เพราะส่วนใหญ่คิดว่าเป็นไปไม่ได้ คิดแทนคนอื่นอยู่ตลอดก็จอดป้ายแค่นั้นแหละครับเจ้านาย....

ที่ผู้เขียนยกเรื่องนี้ขึ้นมามันก็แค่เพียงการโยนหินถามทางที่อาจจะทำให้มีโอกาสในจังหวัดในภาคใต้ได้มีการพัฒนาอย่างเท่าเทียมกันกับกรุงเทพฯหรือสิงคโปร์เท่านั้นและ ผู้เขียนไม่ใช่คนในภาคใต้นะครับ เป็นคนกรุงเทพฯโดยกำเนิด รักกรุงเทพฯมากแต่ก็อยากเห็นที่อื่นๆเขาได้เติบโตโดยการใช้องค์ความรู้พัฒนาเศรษฐกิจในท้องถิ่นได้ดีกว่าที่กรุงเทพมหานครฯต่างหาก
 
ตอนต่อไปจะเข้าเรื่องทางวิชาการบ้างแล้วลองมาเรียนรู้ทฤษฎีของการจัดการองค์ความรู้กันดูบ้างจะยกตัวอย่างให้ได้อ่านกันไปเป็นตอนๆนะครับ หวังว่าผู้อ่านคงจะไม่เสียดายเงินจากความรู้ที่จะได้หรอกนะครับ..แล้วพบกันนะครับ