-->

ผู้เขียน หัวข้อ: ซอมบี้ Zombie : เมื่อเหล่าผีดิบกลับฟื้นคืนชีพ และ แฟรงเก็นสไตน์ ผีดิบผู้เดียวดาย  (อ่าน 6748 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

  • บุคคลทั่วไป



ซอมบี้ (อังกฤษ: zombie) เป็นคำเรียกของคนที่ตายไปแล้วแต่กลับมาเดินเหินได้ราวกับมีชีวิตอีกครั้งตามความเชื่อของลัทธิวูดู
เรื่องราวในลัทธิวูดูนั้นกล่าวถึงซอมบี้ว่าถูกควบคุมด้วยเวทมนตร์ให้ทำงานใช้แรงงานให้พ่อมด แต่ภาพลักษณ์ของซอมบี้ในวัฒนธรรมสมัยใหม่ซึ่งปรากฏผ่านสื่อต่างๆนั้น
ต่างจากในลัทธิวูดูมาก โดยสาเหตุสำคัญนั้นมาจากความสำเร็จของภาพยนตร์เรื่อง Night of the Living Dead ของจอร์จ โรเม




ซอมบี้ในลัทธิวูดู



ในลัทธิวูดูนั้น ซอมบี้เป็นศพที่ถูกปลุกให้กลับมาอีกครั้งโดยพ่อมดที่เรียกว่าบอคอร์ (bokor) ซอมบี้นั้นไม่มีความคิดของตนเองและจะทำงานรับใช้ตามที่เจ้านายต้องการ
เชื่อกันว่าถ้าให้ซอมบี้กินเกลือแล้ว ซอมบี้ก็จะกลับไปตายที่หลุมศพของตนอีกครั้ง

ในปีพ.ศ. 2480 โซรา เนียล เฮิร์สตัน (Zora Neale Hurston) ซึ่งกำลังศึกษาเรื่องคติชนวิทยาของประเทศเฮติได้พบกับสตรีที่ครอบครัว
อ้างว่าเป็นซอมบี้ของ เฟลิเซีย เฟลิกซ์ เมนเทอร์ ซึ่งเสียชีวิตและได้รับการฝังเมื่อสามสิบปีก่อนหน้านั้น

เฮิร์สตันได้ตามสืบข่าวลือเรื่องของคนที่ถูกยาที่มีผลทางจิตเข้าไป แต่ก็ไม่สามารถหาผู้ที่ยอมให้ข้อมูลที่ชัดเจนได้
เธอเชื่อว่ารากฐานของลัทธิวูดูนั้นน่าจะเป็นแพทยศาสตร์ที่มีการใช้ยาซึ่งวิทยาศาสตร์ยังไม่รู้จักมากกว่าจะเป็นพิธีกรรม



เวท ดาวิสได้เขียนถึงเรื่องซอมบี้ในทางแพทยศาสตร์จากประสพการณ์ที่เดินทางไปเฮติในปีพ.ศ. 2525 ไว้ในหนังสือสองเล่มคือ
The Serpent and the Rainbow และ Passage of Darkness: The Ethnobiology of the Haitian Zombie



ดาวิสระบุว่าซอมบี้นั้นเกิดจากผงแป้งสองชนิดเข้าไปในกระแสเลือด โดยแป้งชนิดแรกคือ coup de poudre ซึ่งมีพิษที่เรียกว่า tetrodotoxin
ซึ่งเป็นพิษกับระบบประสาทและพบได้ในเนื้อของปลาปักเป้า ส่วนแป้งประเภทที่สองนั้นเป็นยากล่อมประสาท เมื่อใช้รวมกันแล้ว
บอคอร์จะสามารถควบคุมเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายได้

ดาวิสบรรยายถึงกระบวนการนี้ว่า ก่อนอื่นนั้นผู้เป็นซอมบี้จะอยู่ในสภาพเหมือนตาย จากนั้นก็จะตื่นขึ้นมาด้วยสภาพจิตใจที่สับสน
และบอคอร์ก็จะใช้ยาและการสะกดจิตซึ่งเสริมโดยความเชื่อของเฮติให้คิดว่าตนตายไปแล้วและกลายเป็นซอมบี้

ซอมบิ (Zombi) ยังเป็นชื่อหนึ่งของโลอา งูดัมบาลา (Damballah) ซึ่งมีต้นกำเนิดจากแถบไนเจอร์-คองโก ลัทธิวูดูในแอฟริกาตะวันตก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07 มิถุนายน 2011, 14:29:01 โดย etatae333 »

etatae333

  • บุคคลทั่วไป
Re: ซอมบี้ Zombie : เมื่อเหล่าผีดิบกลับฟื้นคืนชีพ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 07 มิถุนายน 2011, 13:37:39 »



ซอมบี้ ผีดิบหรือฝังทั้งเป็น

ซอมบี้หรือเรียกว่า"ซัมบิ" (zumbi) ..เชื่อกันว่า ซอมบีเป็นศพที่เดินได้ เนื่องจากเป็นร่างไร้วิญญาณที่ถูกปลุกให้
ฟื้นคืนชีพอีกครั้ง ด้วยอำนาจเวทมนตร์ของนักบวชในลัทธิวูดู ลักษณะการเดินของซอมบิดูคล้ายหุ่นยนต์ที่ไร้วิญญาณ ปราศจากแววตา
และจะทำตามคำสั่งของนักบวช

ซอมบี้นั้นในภาษาพื้นเมืองไฮติเขาเรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า "โบโกร์" (Bokor).. ซอมบี้เป็นทาสผีดิบของหมอผี หรือผู้ทรงไสยดำ ผู้ที่มีอำนาจ(เชื่อว่าเป็นอำนาจจากนรก)

เรียกเอาคนตายกลับขึ้นมาจากหลุมศพ..ซอมบี้เป็นเพียงศพที่เดินได้มันกินอาหารได้ อาหารที่กินเป็นอาหารพิเศษที่หมอผีจัดหามาให้ มันมีลมหายใจคล้ายคน
มันต้องขับถ่าย มันพูดได้ แต่ส่วนมาไม่ได้พูดภาษาคน และมันสามารถได้ยินเสียงหรือรับรู้คำสั่งของหมอผีได้แสดงว่ามันมีชีวิต แต่มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ปราศจาก
ความทรงจำใด ๆ ทั้งสิ้น มันไม่รู้จักชีวิตของตัวมันเอง มันไม่มีความรำลึกของอดีตใด ๆ เกี่ยวกับตัวมันเอง มันไม่เคยเข้าใจสภาพ หรือสถานภาพใด ๆ
เกี่ยวกับตัวมันเอง มันไม่รู้จักความเจ็บปวดหรือความกลัว..พูดง่าย ๆ ซอมบี้ เป็นเสมือนหุ่นยนต์ที่มีเลือดเนื้อ เหมือนเครื่องจักรชีวอย่างไงอย่างนั้นนั่นเอง



ชนเผ่าชาไฮติแทบทุกคนรู้จักความชั่วร้ายแห่งไสยดำวูดูเป็นอย่างดี และพวกเขาก็รู้จักซอมบี้ว่ามันมีจริง มันเป็นศพคืนชีพ ทาสรับใช้ของหมอผีหรือผู้มีอำนาจ
ทางไสยดำวูดู พวกชาวบ้านธรรมดาจะสามารถแยกซอมบี้ออกจากหมู่คนธรรมดาได้ทันทีที่ได้เห็น

กล่าวกันว่า พวกซอมบี้มักจะมีท่าทางการเดินเหินไม่เหมือนคนธรรมดา การเดินของซอมบี้จะโยกเยกตัวไปมามากกว่าคนธรรมดา คล้ายกับว่ามันเป็นเครื่องจักรกล
ที่เดินได้ มันมีสายตาที่เหม่อลอย ดวงตา ที่ปราศจากแวดของชีวิต และยังกล่าวกันว่า ซอมบี้มีเสียงหายใจที่ดัง และมีจังหวะการสูดลมหายใจเข้าออกข้าเร็ว
ต่างกับคนธรรมดา

ชาวบ้านธรรมดาในไฮติโดยทั่วไปไม่มีใครกลัวซอมบี้ เพราะไม่เคยปรากฏว่า ซอมบี้ทำอันตรายได้เลย แต่ก็ไม่มีใครกล้ายุ่งเกี่ยวข้องกับซอมบี้
ถ้าเผอิญไปเจอมันเข้า สิ่งที่พวกเข้าทุกคนกลัวที่สุดไม่ใช่ซอมบี้ แต่พวกเขากลัวเป็นซอมบี้ กลัวว่าญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงคนที่รู้จัก และตัวเองเมื่อตายไปแล้ว
จะกลายเป็นซอมบี้ พวกเขาไม่กล้ารับหน้าหรือให้การต้อนรับซอมบี้ผู้มาเยือน ไม่ว่าซอมบี้นั้นจะเคยเป็นพ่อ แม่ พี่น้อง หรือ ใครที่เคยรู้จักสนิทสนมด้วยในตอน
ที่ยังมีชีวิตอยู่



ในการทำพิธีฝังศพญาติพี่น้องของตน ชาวไฮติมีพิธีกรรมที่เรียกว่า "ทำให้ตายครั้งที่สอง" เพื่อป้องกันมิให้ศพกลับลุกขึ้นมาเป็นซอมบี้

แม้แต่คนที่ยากจนไม่มีเงินจะทำพิธีศพญาติของตน ยังต้องไปนำก้อนหินขนาดใหญ่ ๆ มาทับหลุมฝังศพเพื่อป้องกันมิให้ศพญาติที่ฝังไว้ลุกกลับขึ้นมา

บางครั้งญาติผู้ตายต้องผลัดกันนั่งเฝ้าอยู่ปากหลุมศพ เฝ้ากัน 24 ชั่วโมง ทั้งวันทั้งคืนไม่ให้คลาดสายตา เป็นเวลานับเดือน ๆ จนกว่าจะแน่ใจว่าศพในหลุมที่ฝัง
ไว้นั้นเน่าสลายไปหมดแล้ว เพราะกลัวว่าศพอาจคืนชีพเป็นซอมบี้กลับขึ้นมาใหม่นั่นเอง

ในพิธีฝังศพของผู้มีเงินหน่อย จะต้องนำสิ่งของต่าง ๆ เช่นลูกปัดหินหลากสี ด้ายสีต่าง ๆ หลายหลอด พร้อมกับเข็มเย็บผ้าหลายโหล และเมล็ดพืชเล็ก ๆ
บางชนิดอีกหลายร้อยหลายพันเม็ดใส่ไว้ในโลงศพของผู้ตายด้วย สิ่งของต่าง ๆ ดังกล่าวจะต้องผ่านพิธีการปลุกเสกลงของเสียก่อน
โดยผู้ทรงคุณทางไสยขาว (white magic ) วิชาลึกลับใช้เวทมนต์ในทางที่ดีทำเครื่องรางของขลังป้องกันภัยอันตรายหรือปลุกเสกเมตรามหานิยม ฯลฯ
ก่อนการปิดปากโลงศพ และฝังกลบไว้ในป่าช้า เชื่อกันว่า ถ้าศพคืนชีพขึ้นมามันจะไม่ลุกออกมาจากโลง เพราะมัวแต่เล่นสิ่งของเหล่านั้นจนเพลินนั้นเอง

บางครั้งมีการใส่มีดที่ลงของลงคาถาไว้ในโลงด้วยหลายเล่ม เพื่อว่าศพคืนชีพเกิดเซ็งขึ้นมาเพราะออกจากโลงไม่ได้ จะได้ฆ่าตัวตายเป็นครั้งที่สอง
นอนตายอย่างสงบอยู่ในโลงนั้น พิธีกรรมที่หนักข้อขึ้นไปอีกก็ยังมี กล่าวคือ ก่อนปิดฝาโลง จะจัดการตัดคอศพแยกใส่หีบฝังต่างหาก หรือไม่ก็เอหมุดลง
คาถาตอกหน้าอกฝังไว้กับโลงเพื่อป้องกันศพคืนชีพเป็นซอมบี้ พวกไฮติไม่นิยมการเผาศพ แต่ก็มีการเผาศพอยู่เหมือนกัน



เชื่อว่าการเผาศพมิได้ช่วยป้องกันซอมบี้แต่อย่างใด เพราะมีเรื่องเล่ากันว่า คนตายที่ถูกเผาไปแล้ว บางทียังกลายเป็นซอมบี้ได้
ขณะกำลังเผา ๆ อยู่ดันลุกพรวดพราดออกมาจากโลงก็มี ไอ้ตัวซอมบี้แบบนี้น่ากลัวน่าสยดสยองกว่าซอมบี้ธรรมดา ร่างกายมันดำไหม้เฟอะ
เป็นศพพิการแต่ยังเดินได้

พวกหมอผีวูดู หรือ พวกจอมคาถาอาคมแห่งวูดู บางคนมีลูกสมุน- ซอมบี้ เป็นกองทัพเลยก็มี นับว่าเป็นทาสผีดิบที่สัตย์ซื่อมาก เรื่องราวต่าง ๆ
เกี่ยวกับซอมบี้มีปรากฏอยู่ในบันทึกของชาวตะวันตกที่เดินทางไปอยู่ในแถบไฮติ นับตั้งแต่สมัย ล่าอาณานิคมโน้น วิลเลียม ซีบรุ๊ก ผู้จัดการ
ฝ่ายผลิตและส่งออกของบริษัท ผลิตน้ำตาลจากอ้อย (Hailian American Sugar Corporation" เคยเขียนบันทึกไว้ว่า

"..มีพวกกรรมกรไร่อ้อยหลายร้อยคนเป็นคนงานอยู่ในความดูแลของหมอผีวูดู ซึ่งทำหน้าที่คุมคนงานและจัดหาคนงานมาเข้าทำงานอย่างไม่รู้
จักเหน็ดเหนื่อย เหมือนมนุษย์จักรกล.. มีอยู่หลายสิบคนที่มีพวกญาติพี่น้องมาขอตัวกลับเพื่อนำไปฆ่าให้ตายเป็นครั้งที่สอง .. ทำให้เกิดปัญหามาก
เพราะพวกญาติพี่น้องมาพบว่า คนงานบางคนเป็นญาติหรือ คนที่เข่ารู้จักดีซึ่งตายไปแล้ว และกลายเป็นซอมบี้อยู่ในอาณัติคาถาของหมอผีวูดู
ใช้ให้มาทำงานเป็นทาสอยู่ในไร่อ้อย…"




ซอมบี้คือศพเดินได้จริงหรือ !?

ถ้าเราสังเกตพวกซอมบี้ จะพบว่า พวกซอมบี้มักจะมีท่าทางการเดินเหินไม่เหมือนคนธรรมดา การเดินของซอมบี้จะโยกเยกตัวไปมามากกว่าคนธรรมดา
คล้ายกับว่ามันเป็นเครื่องจักรกลที่เดินได้ มันมีสายตาที่เหม่อลอย ดวงตา ที่ปราศจากแวดของชีวิต และยังกล่าวกันว่า ซอมบี้มีเสียงหายใจที่ดัง
และมีจังหวะการสูดลมหายใจเข้าออกข้าเร็วต่างกับคนธรรมดา และสูญเสียความทรงจำ

etatae333

  • บุคคลทั่วไป
Re: ซอมบี้ Zombie : เมื่อเหล่าผีดิบกลับฟื้นคืนชีพ
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 07 มิถุนายน 2011, 14:04:32 »

แฟรงเก็นสไตน์ : ผีดิบผู้เดียวดาย



ในจำนวนผีแนวหน้า หรือระดับอินเตอร์ ดูเหมือนว่าบารอน แฟรงเก็นสไตน์ จะสามารถยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับผีตัวอื่นๆ ได้อย่างไร้ความขวยเขิน
ไม่ว่าจะเป็น ท่านเคาท์ แดร๊คคูล่า แวมไพร์ ซอมบี้ มนุษย์หมาป่า หรือแม้แต่มัมมี่แห่งอียิปต์

ประวัติความเป็นมา

- ความจริง แฟรงเก็นสไตน์ไม่ใช่เป็นชื่อของเจ้าผีดิบรูปไม่หล่อ มีน็อตโผล่ออกมาจาก ขมับทั้งสองข้างนี่แต่อย่างใด แต่เป็นนามกรของนายแพทย์นักวิทยาศาสตร์
ผู้สร้างมันขึ้นมา คือ ดร.แฟรงเก็นสไตน์ ในหนังสือที่แมรี่ เชลลี่ย์ แต่งเอาไว้นั้น เธอเรียกเจ้าผีดิบสุดขี้เหร่ตัวนี้ว่า "มอนสเตอร์" ( Monster ) หรือ อสูรกาย
และเจ้าแฟรงเก็นสไตน์แต่เดิมก็ไม่ได้มีฐานะเป็น บารอน ตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้ ได้มาภายหลังเมื่อนิยายสยองขวัญเรื่องนี้ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนต์
เพื่อให้ท่านบารอน แฟรงเก็นสไตน์ เป็นคู่ปรับที่สมศักดิ์ศรีกับ ท่านเคาท์แดร๊คคูล่า และเนื้อเรื่องเดิมนั้นก็ได้ถูกดัดแปลงต่อเติมซะจนเจ้าของตำราเอง
เห็นแล้วอาจจะอยากร้องไห้หือผูกคอตายให้มันรู้แล้วรู้แรดไปเลย

- เจ้าผีดิบ แฟรงเก็นสไตน์ถูกสร้างขึ้นมาด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดสมองและเปลี่ยนอะไหล่ชิ้นส่วน ของอวัยวะต่างๆ แต่ก็ต้องเย็บปะทั้งตัว
ที่เห็นได้ชัดเจนคือรอยเย็บตามใบหน้าและอวัยวะต่างๆ ด้วยเหตุนี้เจ้าผีดิบ แฟรงเก็นสไตน์ จึงแทบจะหาความหล่อไม่เจอ และไม่รู้ว่าทำไม ด็อกเตอร์แฟรงฯ
ผู้ลงมือสร้าง แกจึงไม่เอาวิธีเกี่ยวกับศัลยกรรมเข้าช่วย อาจเป็นเพราะวิชาการแพทย์ด้านนี้ในสมัยก่อนไม่เจริญมากนัก หรือเป็นสาเหตุหนึ่งคนเขียนคงเกรงว่า
ถ้าขืนดึงหน้าให้มันหล่อผิดปกติ เจ้าผีดิบที่สร้างขึ้นมาใหม่นี้จะไม่น่ากลัว หวาดเสียวสยดสยองเท่าที่ควรก็เป็นได้

จุดกำเนิดของนิยายสยองขวัญ แฟรงเก็นสไตน์



- ผู้ให้กำเนิดเจ้าผีดิบไร้ความหล่อตัวนี้ คือนักประพันธ์สาวสวยชื่อว่า แมรี่ เชลลี่ย์ ซึ่งตอนนั้นเธอเพิ่งจะมีอายุเพียง 20 เศษๆ และเป็นภรรยาของ เปอร์ซี่ เชลลี่ย์
ยอดกวีโรแมนติกผู้เป็นสหายของท่าน ลอร์ด ไบรอน ยอดกวีนักรักผู้ลือนาม

- เรื่องราวของผีดิบตนนี้ เกิดนขึ้นเมื่อศิลปินทั้งสามที่เอ่ยนามมานั้น ได้เดินทางไปท่องเที่ยวประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ดินแดนแห่ง สวรรค์อันงดงาม
แต่ดันไปในช่วงที่กำลังเกิดอากาศเลวร้ายจนสามศิลปินต้องนั่งจับเจ่าอยู่ที่บ้านพัก

- และเพื่อเป็นการหาอะไรทำแก้เซ็ง ทั้งสามจึงชักชวนกันแต่งนิยายผีสยองขวัญกันคนละเรื่อง แต่แมรี่เชลลี่ย์ ผู้เดียวเท่านั้นที่เขียนได้จบ
ก็คือเรื่อง จอมผีดิบ แฟรงเก็นสไตน์นั่นเอง ซึ่งดังกระฉ่อนไปทั่วโลกมาจนตราบเท่าทุกวันนี้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1816 หรือ พ.ศ. 2359 นั่นเอง

อิทฤทธิ์ของแฟงเก็นสไตน์



เจ้าผีดิบตัวนี้ก็เหมือนกับผีดิบ ทั่ว ไปคือถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้งาน ตาม คำสั่งของเจ้านาย มีพละกำลัง มหาศาล ทำงานได้ไม่รู้จักเหนื่อย และไม่มีการอู้
อาวุธธรรมดายิง แทงหรือฟันไม่เข้า และมันก็ไม่ต้องกินอาหารหรือเลือด เพิ่มพลังเลย

วิธีสู้และป้องกันกับเจ้า แฟรงเกนนสไตน์



- เจ้าตัวนี้เป็นตัวที่ถูกสร้างขึ้นด้วยวิธีของวิทยาศาสตร์ จึงไม่น่าจะกลัวไม้กางเขน หรือสิ่งศักสิทธิ์ใดๆ อต่ถ้าโดนอาวุธใหญ่ๆ อย่างจรวด
หรือขีปนาวุธเข้าไปแล้วก็คงไม่เหลือซากเหมือนกัน

การถ่ายทอดหรือการรักษาเผ่าพันธุ์



- เนื่องจากถูกสร้างมาด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์หากใครมีความรู้แขนงนี้แล้วนำศพมาผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะก็คงมีเจ้าผีดิบ แบบแฟรงเก็นสไตน์ อีกหลายตัว
แต่ยังไม่เคยมีการรับรองอย่างเป้ฯทางการว่าจะใช้วิธีผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะแล้ว จะทำให้คนตายฟื้นคืนชีพได้ แต่คาดว่ายังคงมีการทดลองและวิจัยกันอยู่อย่าลับๆ
และต่อเนื่อง

etatae333

  • บุคคลทั่วไป
Re: ซอมบี้ Zombie : เมื่อเหล่าผีดิบกลับฟื้นคืนชีพ
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: 07 มิถุนายน 2011, 14:17:07 »

แค่ฟังชื่อหลายคนอาจจะรู้สึกสังสัยว่า แฟรงเกนสไตน์ (Frankenstein) เป็นผีดิบผู้เดียวดายจริงหรือ?
น่าจะเป็นผีดิบผู้โหดร้ายหรือผู้ดุร้ายมากกว่าเพราะพฤติกรรมอันแปลกประหลาดและพิลึกพิลั่นที่เกิดขึ้น ทำให้เรื่องราวเกี่ยวกับผีดิบแฟรงเกนสไตน์
กลับกลายมาเป็นตำนานเล่าขานกันอย่างแพร่หลาย



จริง ๆ แล้วนั้นผีดิบผู้น่าสงสารตัวนี้ไม่ได้มีชื่อว่า แฟรงเกนสไตน์ แต่อย่างใดชื่อที่เรียกกันมานานนี้เป็นชื่อที่ถูกตั้งตามผู้ที่สร้างมันขึ้นมา เรื่องราวโกลหลและวุ่นวาย
ดังกล่าวนี้เกิดขึ้นที่กรุงเจนีวา เมื่อราว 200ปีก่อน เจ้าของเรื่องราวอันพิลึกพิลั่นดังกล่าวนี้มานามว่า นายวิคเตอร์ แฟรงเกนสไตน์ (Victor Frankenstein)
เขาเกิดในตระกูลที่มีชื่อเสียงและร่ำรวย ทำให้ชีวิตของเขาเต็มไปด้วยความสุขสบาย เรียกว่า ชี้นกเป็นไม้ ชี้ไม้เป็นนก ก็ได้ทั้งนั้น

ทำให้เรื่องยากกลายเป็นเรื่องที่ง่ายดายไปในพริบตา ในชีวิตของเขาจึงไม่มีอะไรที่ชวนท้าทายความคิดหรือความสามารถของเขาเลย
เพราะหากต้องการอะไรก็จะมีคนคอยหาให้อยู่เสมอ

จนกระทั่งเมื่อเขาเติบโตเป็นหนุ่ม และมีโอกาสเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย อินโกลด์สตัดต์ (Ingoldstadt university) วิคเตอร์มีโอกาสได้พบกับ
เฮนรี่ เคลวอล (Henri Clerval) เพื่อนผู้หักเหชีวิตของเขาให้เปลี่ยนแปลงไป เฮนรี่ได้ชักจูง วิคเตอร์ ให้หันเหความสนใจมาสู่เรื่องราวเหนือธรรมชาติ
ทั้งสองต้องการที่จะไขปริศนาลับเกี่ยวกับชีวิตมนุษย์ ความเร้นลับที่ยังไม่มีผู้ใดสามารถที่จะไขความลับดังกล่าวได้ พวกเขามีความปรารถนาว่า
สักวันหนึ่งพวกเขาจะสามารถชุบชีวิตคนตายให้ฟื้นคืนชีพกลับมาอีกครั้งให้ได้

ด้วยแรงจูงใจและความใคร่รู้ทำให้ วิคเตอร์ และเฮนรี่ ตกลงใจที่จะทำการศึกษาในเรื่องดังกล่าวด้วยตนเอง พวกเขาเริ่มต้นด้วยการรวบรวมศพของผู้ตายเอาไว้
เป็นจำนวนมาก หลังจากนั้นก็คัดเลือกเอาอวัยวะที่สวยที่สุดของศพแต่ละศพมาเย็บเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อให้ชีวิตใหม่ที่เขาเนมิตขึ้นมา
เป็นชีวิตใหม่ที่มีความสมบูรณ์แบบมากที่สุด เพราะอวัยวะทุกชิ้นถูกคัดเลือกมาเป็นอย่างดี



ภายหลังจากได้เย็บอวัยวะทุกส่วนเข้าไว้ด้วยกัน จนกระทั่งมีรูปร่างสมบูรณ์แบบเหมือนมนุษย์ทุกประการ พวกเขาก็ได้ใช้เทคนิคพิเศษบางอย่างทำให้
มนุษย์ทดลองของเขาสามารถฟื้นฟูคืนชีพขึ้นมาได้อีกครั้งหนึ่ง แต่ผลงานชิ้นนี้กลับไปได้สร้างความยินดีปรีดาให้แก วิคเตอร์ และเฮนรี่ เลย
มนุษย์จำลองค่อย ๆ ลุกขึ้นจากเตียงอย่างช้า ๆ แต่อนิจจา ผิวพรรณที่เหลือซีดของมัน ทำให้มันกลายเป็นซากศพเดินได้ที่มีสภาพน่ากลัว
เป็นอย่างยิ่งร่างกายที่ปราศจากเลือดฝาด ทำให้ปลายเล็บซีดคล้ำ ดวงตาที่ลึกโบ๋ยิ่งเสริมให้ใบหน้าของมันน่ากลัวมากยิ่งขึ้น มันพยายามที่จะยิ้ม
ให้แก่ วิคเตอร์ และเฮนรี่ แต่ทั้งคู่กลับรู้สึกว่ามันกำลังแสยะยิ้มให้แก่เขา ความหวาดกลัวเริ่มเข้ามาครอบงำจิตใจของเขาทั้งสอง



ทั้งคู่ต่างวิ่งเตลิดออกจากห้องลับที่ที่ใช้เป็นสถานที่ในการศึกษาทดลองในครั้งนี้ทั้งคู่วิ่งออกมาอย่างไม่คิดชีวิต และไม่รู้ว่าตนเองจะทำอย่างไรกับมนุษย์จำลองนี้ดี
จะทำลายก็เสียดาย แต่จะเก็บเอาไว้ก็ดูน่าเกลียดน่ากลัว พวกเขาตัดสินใจอยู่นานกว่าที่จะกลับเข้ามาในห้องลับอีกครั้ง แต่สิ่งประดิษฐ์อันแสนพิลึกของพวกเขา
ไม่รู้ว่ามันไปแอบอยู่ที่ใด หากยังอยู่ ในสายตาของพวกเขา เขาก็ยังทราบว่ามันทำอะไรบ้าง แต่นี่ก็ไม่รู้ว่ามันหายไปไหน แต่อีกใจหนึ่งพวกเขารู้สึกใจที่มันหายไปได้
เพราะมันช่างน่าเกลียดน่ากลัวเหลือเกิน

หลังจากนั้นไม่นานนัก วิคเตอร์ ก็ได้รับข่าวร้าย เมื่อวิลเลี่ยม แฟรงเกนสไตน์ (William Frankenstein) น้องชายของเขาถูกฆ่าด้วยการบีบคอจนตายผู้คนต่าง
กล่าวโทษ จัสติน มอริทซ์ (Justine Morite) พี่เลี้ยงที่อยู่ใกล้ชิด วิลเลี่ยมมากที่สุด จัสติน กลายเป็นนักโทษที่ต้องตรับความผิดที่ตนเองไม่ได้กระทำ
เพราะไม่มีหลักฐานใดมายืนยันได้ว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่วิคเตอร์ รู้ว่าคนที่สังหารน้องชายของเขานั้นไม่ใช่คนอื่นเลย มันต้องเป็นเจ้าชายซากศพเดินได้ตัวนั้น
อย่างแน่นอน มันคงจะโกรธแค้นที่เขาสร้างมันขึ้นมาและไม่ได้ดูดำดูดีมัน มันจึงกลับมาลงโทษเขา



1 ปีผ่านไป วิคเตอร์ ไม่เคยได้ยินข่าวคราวเกี่ยวกับสิ่งประดิษฐ์ของเขาภายหลังจากที่วิลเลี่ยมตาย แต่แล้ววันหนึ่ง
ในขณะที่เขาไปพักผ่อนแถวเชิงเขา มองท์ บลังค์ (Mont Blanc) มันก็ได้ปรากฏตัวต่อหน้าของเขาอีกครั้งหนึ่งคราวนี้ วิคเตอร์ ไม่ได้หนีไปไหน
เขาพยายามตั้งสติพูดคุยกับมัน เพื่อให้รู้ถึงชีวิตและความเป็นอยู่ของมันภายใน 1 ปี หลังจากที่เขาได้ชุบชีวิตมันขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

เจ้าผีดิบได้เล่าให้นายผู้ให้กำเนิดมันฟังว่าภายหลังจากที่ วิคเตอร์ และเพื่อนได้วิ่งหนีมันออกไปแล้วนั้น มันก็ได้เดินโซซัดโซเซออกมาข้างนอก
แต่เดินไปทางใดผู้คนก็แตกฮือวิ่งหนีไปคนละทิศคนละทาง ซึ่งมันก็ไม่เข้าใจว่า เหตุใดทุกคนจึงมีปฏิกิริยาเช่นนี้กับมัน
แม้ว่ามันจะช่วยชีวิตเด็กน้อยผู้หนึ่งเอาไว้จากการจมน้ำ แต่อดทนที่จะได้รับคำขอบคุณเป็นการตอบแทน พ่อของเด็กผู้นั้นกับยิงปืนขับไล่มัน
เพราะกลับว่ามันจะไปทำอันตรายต่อลูกของเขา



ก็นับว่าเป็นความช่วยของเจ้าผีดิบที่มีหน้าตาแปลกประหลาดจากคนธรรมดา ทำให้ผู้คนหวาดกลัวโดยที่มันก็ไม่รู้เลยว่า ตนเองนั้นมีหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวขนาดนั้น
ภายหลังจากถูกยิงขับไล่ มันก็ไดหนีกระเชอะกระเชิงไปจนกระทั่งไปเจิกับเด็น้อยผู้หนึค่งที่มีหน้าตาน่ารัก มันรู้สึกว่าอยากจะกอดแสดงความรักใคร่ต่อเด็กคนนั้น
แต่เนื่องจากการควบคุมแรงของมือยังไม่ดีพอ ทำให้แรงกดของมันกลายเป็นแรงบีบรัด ส่งผลให้หนูน้อยที่น่ารักคนนั้สิ้นใจตายและเป็นที่มาของการสิ้นชีวิตของ
วิลเลี่ยม น้อยชายของวิคเตอร์นั่นเอง

etatae333

  • บุคคลทั่วไป
Re: ซอมบี้ Zombie : เมื่อเหล่าผีดิบกลับฟื้นคืนชีพ
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: 07 มิถุนายน 2011, 14:28:32 »

จะว่าไปแล้วก็ค่อนข้างเป็นผีดิบที่น่าสงสารเอาการ เพราะเขาไม่ได้เป็นผู้ที่เลือกจะมีชีวิตขึ้นมาใหม่อีกครั้ง แต่กลับมีโอกาสได้กลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้งหนึ่ง
ด้วยใบหน้าที่น่าเกลียดน่ากลัว ผิวหนังที่เหี่ยวย่น ประกอบกับร่างกายที่สูงใหญ่ผิดมนุษย์มนา ก็ยิ่งสร้างความหวาดกลัวให้แก่ผู้ที่พบเห็น
ความหวาดกลัวของผู้คนทำให้มันต้องมีชีวิตอย่างหลบๆ ซ่อนๆ ใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวเพราะไม่มีใครต้องการพบเจอหรือคบค้าสมาคมด้วย

เจ้าผีดิบได้เล่าชีวิตความเป็นอยู่ภายใน 1 ปีที่ผ่านมาให้แก่ วิคเตอร์ นายของมันหลักจากนั้นมันก็ได้ขอร้องให้ วิคเตอร์ สร้างเพื่อนหญิงให้ในอีกสักตัว
แล้วมันจะพาคู่รักของมันไปอาศัยอยุ่ในป่าทึบที่ไม่มีใครสามรถขเาไปได้มันให้สัญญากับนายมันว่า จะไม่มีใครได้เห็นหน้าของมันอีก ขอแค่เพื่อให้มีสักคน
หลังจากที่วิคเตอร์ ฟังเรื่องราวอันยืดยาวของมันจนจบ เขาก็ตัดสินใจตกลงที่จะกระทำตามคำของของมัน



เพราะเรื่องวุ่นๆ ทั้งหลายจะได้จบสิ้นเสียทีอีกทั้งสงสารที่มันต้องอาศัยอยู่อย่างโดเดี่ยว วิคเตอร์ และเฮนรี่ จึงได้กลับไปรวบรวมซากศพของผู้ที่เสียชีวิตใหม่อีกครั้งหนึ่ง
แต่การทดลองในครั้งที่สองดำเนินไปได้ไม่ถึงไหน ทั้งสองก็รู้สึกว่าสิ่งที่เขากระทำลงไปนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่? เพราะเข้าอาจจะสร้างครอบครัวผีดิบขึ้นมาใหม่
ซึ่งอาจจะสร้างปัญหาให้มากขึ้น อดทนที่จะแก้ไขปัญหาให้เสร็จลุล่วงไปได้ พวกเขาจึงหยุดสร้างผีดิบตัวที่สอง

การหยุดทำงานของ วิคเตอร์ และ เฮนรี่ อย่างกะทันหัน ทำให้เจ้าผีดิบรู้สึกงุนงงมาก มันจึงพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้นายของมันสร้างคู่รักแสนสวยให้เสร็จ
แต่ไม่ว่ามันจะทำอย่างไร จะพูดอย่างไรก็ไม่ได้ผล พวกเขาไม่ยอมที่จะทำงานต่อ ทำให้ผีดิบรู้สึกโกรธแค้นมากที่คำขอร้องของมันไม่เป็นผล
มันจึงได้กล่าวอาฆาตแค้นเขาเอาไว้ว่า เมื่อใดที่เขาแต่งงาน มันจะกลับมาหาเขาอีกครั้งหนึ่งหลังจากนั้นมันก็หลบหนีไป

วิคเตอร์ และ เฮนรี่ ได้ย้ายหนีเจ้าผีดิบไปที่ไอร์แลนด์ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถหนีมันพ้น เฮนรี่ เป็นผู้เคราะห์ร้ายคนแรก เขาถูกเจ้าผีดิบสังหารจนกระทั่งเสียชีวิต
เจ้าผีดิบได้ให้บทเรียนบทแรกแก่ วิคเตอร์ เพราะเมื่อมันต้องอาศัยอยู่อย่างโดดเดี่ยว นายของมันก็ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวเช่นกัน
แต่การแก้แค้นของมันก็ไม่ค่อยได้ผลเท่าใดนัก เพราะหลังจากที่ทนความเหงาไม่ไหว วิคเตอร์ ก็ได้ตัดสินใจที่จะแต่งงานกับหญิงคนรัก

ในคืนวันแต่งงานที่ควรจะเป็นคืนแห่งความสุขในชีวิตของ วิคเตอร์ เขากลับพบกับความทุกข์ทรมานในอย่างที่สุด เมื่อเจ้าสาวสุดที่รักของเขาถูกเจ้าผีดิบสังหาร
จนเสียชีวิตไปอีกคนหนึ่ง เจ้าผีดิบได้จองล้างจองผลาญ วิคเตอร์ ตามที่มันลั่นวาจาเอาไว้จริงๆ เรียกว่ากงกรรมกงเกวียนก็คงจะไม่ผิดเทาใดนักเพราะเมื่อสร้าง
ขึ้นมาแล้วไม่ดุแลรับผิดชอบให้ดี มันก็ย่อมก่อปัญหาตามมาอย่างไม่รู้จักจบรู้จักสิ้น



ความทุกข์และความหวาดกลัวเริ่มโถมเข้าสู่จิตใจของ วิคเตอร์ เขาพยายามที่จะหลบหนีเจ้าอสูรกายทุกวิถีทาง แต่ยิ่งหนีก็เหมือนกับว่ามันก็ยิ่งตามเหมือนตัวเรา
และเงาที่ต้องติดกันไปตลอดเวลา ซึ่งในตอนนี้ วิคเตอร์ รู้สึกว่าชีวิตของเขาช่างทุกข์ทรมานยิ่งนัก เหตุใดเจ้าผีร้ายมันจึงไม่หนีไปที่อื่น
ทำไมต้องตามมาจองล้างจองผลาญเขาอยู่ตลอดเวลา ยิ่งหนีก็ยิ่งตาม ไม่ว่าเขาจะไปที่ใด มันก็ตามเขาไปถูกทั้งสิ้นเขาคิดใครครวญอยู่นานว่าจะทำอย่างไรดี



ยาวมากมาย แต่ก็จบละครับ ljhgf



จนกระทั่งวันหนึ่ง วิคเตอร์ จึงตัดสินใจที่จะเล่นเรือหนีไปยังขั้วโลกเหนือด้วยความหวังอย่างเต็มเปี่ยมว่า เจ้าผีร้ายจะไม่มีทางตามหาเขาเจออย่างแน่นอนแต่แล้ว
ดินแดนแห่งใหม่นี้กลับกลายเป็นสุสานสำหรับตัวของเขา อากาศที่หนาวเหน็บ ทำให้ร่างกายของ วิคเตอร์ ที่อ่อนแออยู่แล้วกลับล้มเจ็บลง
สุดท้ายเขาก็ไม่สามารถต่อสู้กับธรรมชาติที่หนาวเหน็บ วิคเตอร์ เสียชีวิตอยู่ในดินแดนที่ห่างไกลจากญาติพี่น้อง เขาเสียชีวิตลงอย่างโดดเดี่ยวและเหงาหงอย

หลังจากที่เขาเสียชีวิตไปไม่นาน เจ้าผีดิบก็ได้ตามมาถึงตัวนายของมันแต่ไม่ทันเสียแล้ว มันไม่สามารถที่จะตาม วิคเตอร์ ไดอีกแล้ว เพราะวิคเตอร์ได้ด่วนลาหนี
มันไปยังปรโลกเสียแล้ว การตายของวิคเตอร์ ทำให้เจ้าผีดิบเสียใจเป็นอย่างมาก เหตุใดนายที่มันเฝ้าจงรักภักดีถึงได้ตัดช่องน้อยแต่พอตัว ทิ้งมันให้ใช้ชีวิตอยู่อย่าง
โดดเดี่ยวบนโลกใบนี้ ทำไมเขาจึงไม่มีความรับผิดชอบ สร้างมันขึ้นมาแต่กลับทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ เมื่อเห็นว่าหน้าตาของมันอัปลักษณ์ ไม่สวยงามอย่างที่เขาเคยคิดหรือ
หวังเอาไว้ มันทำความผิดอะไรเอาไว้ถึงต้องทำกับมันเช่นนี้



การที่มันเฝ้าติดตามเขานั้น มันต้องการเพียงแค่ให้เขารักและปรานีแก่มันบ้าง เพราะในโลกนี้ก็คงมีเพียงแค่นายของมันเท่านั้นที่ไม่กลัวมันและรู้จักมันเป็นอย่างดี
มันไม่หวังให้คนอื่นมารักใคร่มัน ขอเพียงแค่นายของันรักและเข้าใจมันก็พอ แต่ก็ดูเหมือนว่าความหวังสุดท้ายของมันก็เป็นหมันเสียแล้ว มันก็ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไป
ทำไมบนโลกใบนี้ เจ้าผีร้ายจึงได้กระโดดน้ำฆ่าตัวตายทันที คงเหลือไว้เพียงความงงงันของลูกเรือที่พบเห็นภาพเหตุการณ์ประหลาด

เรื่องราวเหล่านี้จึงกลายเป็นตำนานของผีดิบ แฟรงเกนสไตน์ ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วมันไม่ได้มีชื่อเสียงเรียงนามอะไรเลย แต่คนเล่าไม่รู้จะเรียกว่ามันอะไรดี
จึงเรียกชื่อผู้ที่สร้างมันแทน เรียกไปเรียกมาก็เลยกลายเป็นชื่อของมันไปเสียเลยก็นับว่าเป็นผีดิบที่น่าสงสาร เพราะหากเรามีโอกาสฟื้นขึ้นมาใหม่อีกครั้งหนึ่ง
แต่กลับไม่สามารถใช้ชิวิตอยู่ในสังคมได้ เพราะเดินไปทางไหนผู้คนต่างก็หวาดกลัวและคอยหลบหนีหน้าเราไปนั้น เราก็คงไม่อยากที่จะฟื้นขึ้นมาอีกครั้งอย่างแน่นอน

บทเรียนครั้งหนึ่งถ้าหากจะกล่าวโทษก็คงต้องโทษ วิคเตอร์ และเฮนรี่ ที่แอบไปเล่นพิเรนทร์ สร้างมนุษย์ให้ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ฝืนธรรมชาติ เมื่อทุกอย่างไม่เป็นตาม
ที่ใจของตนเองวาดหวังเอาไว้ ก็ไม่รับผิดชอบหรือหาหนทางแก้ไขกลับทิ้งให้เป็นปัญหาคาราคาซัง สุดท้ายตนเองก็ต้องกลายเป็นคนที่รับเคราะห์ร้ายเสียเอง
ไม่แน่ใจว่าในอนาคตอาจจะมีนักวิทยาศาสตร์ขี้เล่นสามารถชุบชีวิตมนุษย์ขึ้นมาใหม่ ได้เหมือน วิคเตอร์ คราวนี้เราอาจจะมีเรื่องราวตื่นเต้นในชีวิตเกิดมากขึ้น
ก็เป็นได้ ผีดิบอาจจะเดินสวนกับมนุษย์โดยที่เราไม่รู้เนื้อรู้ตัวก็ได้