แค่ฟังชื่อหลายคนอาจจะรู้สึกสังสัยว่า
แฟรงเกนสไตน์ (Frankenstein) เป็นผีดิบผู้เดียวดายจริงหรือ?
น่าจะเป็นผีดิบผู้โหดร้ายหรือผู้ดุร้ายมากกว่าเพราะพฤติกรรมอันแปลกประหลาดและพิลึกพิลั่นที่เกิดขึ้น ทำให้เรื่องราวเกี่ยวกับผีดิบแฟรงเกนสไตน์
กลับกลายมาเป็นตำนานเล่าขานกันอย่างแพร่หลาย
จริง ๆ แล้วนั้นผีดิบผู้น่าสงสารตัวนี้ไม่ได้มีชื่อว่า แฟรงเกนสไตน์ แต่อย่างใดชื่อที่เรียกกันมานานนี้เป็นชื่อที่ถูกตั้งตามผู้ที่สร้างมันขึ้นมา เรื่องราวโกลหลและวุ่นวาย
ดังกล่าวนี้เกิดขึ้นที่กรุงเจนีวา เมื่อราว 200ปีก่อน เจ้าของเรื่องราวอันพิลึกพิลั่นดังกล่าวนี้มานามว่า
นายวิคเตอร์ แฟรงเกนสไตน์ (Victor Frankenstein) เขาเกิดในตระกูลที่มีชื่อเสียงและร่ำรวย ทำให้ชีวิตของเขาเต็มไปด้วยความสุขสบาย เรียกว่า ชี้นกเป็นไม้ ชี้ไม้เป็นนก ก็ได้ทั้งนั้น
ทำให้เรื่องยากกลายเป็นเรื่องที่ง่ายดายไปในพริบตา ในชีวิตของเขาจึงไม่มีอะไรที่ชวนท้าทายความคิดหรือความสามารถของเขาเลย
เพราะหากต้องการอะไรก็จะมีคนคอยหาให้อยู่เสมอ
จนกระทั่งเมื่อเขาเติบโตเป็นหนุ่ม และมีโอกาสเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย
อินโกลด์สตัดต์ (Ingoldstadt university) วิคเตอร์มีโอกาสได้พบกับ
เฮนรี่ เคลวอล (Henri Clerval) เพื่อนผู้หักเหชีวิตของเขาให้เปลี่ยนแปลงไป เฮนรี่ได้ชักจูง วิคเตอร์ ให้หันเหความสนใจมาสู่เรื่องราวเหนือธรรมชาติ
ทั้งสองต้องการที่จะไขปริศนาลับเกี่ยวกับชีวิตมนุษย์ ความเร้นลับที่ยังไม่มีผู้ใดสามารถที่จะไขความลับดังกล่าวได้ พวกเขามีความปรารถนาว่า
สักวันหนึ่งพวกเขาจะสามารถชุบชีวิตคนตายให้ฟื้นคืนชีพกลับมาอีกครั้งให้ได้
ด้วยแรงจูงใจและความใคร่รู้ทำให้ วิคเตอร์ และเฮนรี่ ตกลงใจที่จะทำการศึกษาในเรื่องดังกล่าวด้วยตนเอง พวกเขาเริ่มต้นด้วยการรวบรวมศพของผู้ตายเอาไว้
เป็นจำนวนมาก หลังจากนั้นก็คัดเลือกเอาอวัยวะที่สวยที่สุดของศพแต่ละศพมาเย็บเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อให้ชีวิตใหม่ที่เขาเนมิตขึ้นมา
เป็นชีวิตใหม่ที่มีความสมบูรณ์แบบมากที่สุด เพราะอวัยวะทุกชิ้นถูกคัดเลือกมาเป็นอย่างดี
ภายหลังจากได้เย็บอวัยวะทุกส่วนเข้าไว้ด้วยกัน จนกระทั่งมีรูปร่างสมบูรณ์แบบเหมือนมนุษย์ทุกประการ พวกเขาก็ได้ใช้เทคนิคพิเศษบางอย่างทำให้
มนุษย์ทดลองของเขาสามารถฟื้นฟูคืนชีพขึ้นมาได้อีกครั้งหนึ่ง แต่ผลงานชิ้นนี้กลับไปได้สร้างความยินดีปรีดาให้แก วิคเตอร์ และเฮนรี่ เลย
มนุษย์จำลองค่อย ๆ ลุกขึ้นจากเตียงอย่างช้า ๆ แต่อนิจจา ผิวพรรณที่เหลือซีดของมัน ทำให้มันกลายเป็นซากศพเดินได้ที่มีสภาพน่ากลัว
เป็นอย่างยิ่งร่างกายที่ปราศจากเลือดฝาด ทำให้ปลายเล็บซีดคล้ำ ดวงตาที่ลึกโบ๋ยิ่งเสริมให้ใบหน้าของมันน่ากลัวมากยิ่งขึ้น มันพยายามที่จะยิ้ม
ให้แก่ วิคเตอร์ และเฮนรี่ แต่ทั้งคู่กลับรู้สึกว่ามันกำลังแสยะยิ้มให้แก่เขา ความหวาดกลัวเริ่มเข้ามาครอบงำจิตใจของเขาทั้งสอง
ทั้งคู่ต่างวิ่งเตลิดออกจากห้องลับที่ที่ใช้เป็นสถานที่ในการศึกษาทดลองในครั้งนี้ทั้งคู่วิ่งออกมาอย่างไม่คิดชีวิต และไม่รู้ว่าตนเองจะทำอย่างไรกับมนุษย์จำลองนี้ดี
จะทำลายก็เสียดาย แต่จะเก็บเอาไว้ก็ดูน่าเกลียดน่ากลัว พวกเขาตัดสินใจอยู่นานกว่าที่จะกลับเข้ามาในห้องลับอีกครั้ง แต่สิ่งประดิษฐ์อันแสนพิลึกของพวกเขา
ไม่รู้ว่ามันไปแอบอยู่ที่ใด หากยังอยู่ ในสายตาของพวกเขา เขาก็ยังทราบว่ามันทำอะไรบ้าง แต่นี่ก็ไม่รู้ว่ามันหายไปไหน แต่อีกใจหนึ่งพวกเขารู้สึกใจที่มันหายไปได้
เพราะมันช่างน่าเกลียดน่ากลัวเหลือเกิน
หลังจากนั้นไม่นานนัก วิคเตอร์ ก็ได้รับข่าวร้าย เมื่อ
วิลเลี่ยม แฟรงเกนสไตน์ (William Frankenstein) น้องชายของเขาถูกฆ่าด้วยการบีบคอจนตายผู้คนต่าง
กล่าวโทษ
จัสติน มอริทซ์ (Justine Morite) พี่เลี้ยงที่อยู่ใกล้ชิด วิลเลี่ยมมากที่สุด จัสติน กลายเป็นนักโทษที่ต้องตรับความผิดที่ตนเองไม่ได้กระทำ
เพราะไม่มีหลักฐานใดมายืนยันได้ว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่วิคเตอร์ รู้ว่าคนที่สังหารน้องชายของเขานั้นไม่ใช่คนอื่นเลย มันต้องเป็นเจ้าชายซากศพเดินได้ตัวนั้น
อย่างแน่นอน มันคงจะโกรธแค้นที่เขาสร้างมันขึ้นมาและไม่ได้ดูดำดูดีมัน มันจึงกลับมาลงโทษเขา
1 ปีผ่านไป วิคเตอร์ ไม่เคยได้ยินข่าวคราวเกี่ยวกับสิ่งประดิษฐ์ของเขาภายหลังจากที่วิลเลี่ยมตาย แต่แล้ววันหนึ่ง
ในขณะที่เขาไปพักผ่อนแถวเชิงเขา
มองท์ บลังค์ (Mont Blanc) มันก็ได้ปรากฏตัวต่อหน้าของเขาอีกครั้งหนึ่งคราวนี้ วิคเตอร์ ไม่ได้หนีไปไหน
เขาพยายามตั้งสติพูดคุยกับมัน เพื่อให้รู้ถึงชีวิตและความเป็นอยู่ของมันภายใน 1 ปี หลังจากที่เขาได้ชุบชีวิตมันขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
เจ้าผีดิบได้เล่าให้นายผู้ให้กำเนิดมันฟังว่าภายหลังจากที่ วิคเตอร์ และเพื่อนได้วิ่งหนีมันออกไปแล้วนั้น มันก็ได้เดินโซซัดโซเซออกมาข้างนอก
แต่เดินไปทางใดผู้คนก็แตกฮือวิ่งหนีไปคนละทิศคนละทาง ซึ่งมันก็ไม่เข้าใจว่า เหตุใดทุกคนจึงมีปฏิกิริยาเช่นนี้กับมัน
แม้ว่ามันจะช่วยชีวิตเด็กน้อยผู้หนึ่งเอาไว้จากการจมน้ำ แต่อดทนที่จะได้รับคำขอบคุณเป็นการตอบแทน พ่อของเด็กผู้นั้นกับยิงปืนขับไล่มัน
เพราะกลับว่ามันจะไปทำอันตรายต่อลูกของเขา
ก็นับว่าเป็นความช่วยของเจ้าผีดิบที่มีหน้าตาแปลกประหลาดจากคนธรรมดา ทำให้ผู้คนหวาดกลัวโดยที่มันก็ไม่รู้เลยว่า ตนเองนั้นมีหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวขนาดนั้น
ภายหลังจากถูกยิงขับไล่ มันก็ไดหนีกระเชอะกระเชิงไปจนกระทั่งไปเจิกับเด็น้อยผู้หนึค่งที่มีหน้าตาน่ารัก มันรู้สึกว่าอยากจะกอดแสดงความรักใคร่ต่อเด็กคนนั้น
แต่เนื่องจากการควบคุมแรงของมือยังไม่ดีพอ ทำให้แรงกดของมันกลายเป็นแรงบีบรัด ส่งผลให้หนูน้อยที่น่ารักคนนั้สิ้นใจตายและเป็นที่มาของการสิ้นชีวิตของ
วิลเลี่ยม น้อยชายของวิคเตอร์นั่นเอง