อยากจะมาแชร์ประสบการ์ณที่เคยถุงแตก เผื่อเป็นประโยชน์กับคนอื่นๆครับ
ไปเที่ยวกับน้องๆแล้วปรากฏว่าถุงแตกตอนนั้นสติแตกครับ แต่ยังดีที่ขอเบอร์น้องไว้เพราะตอนนั้น เที่ยงคืนละ น้องก็ให้ หลังจากกลับมาบ้านเลยตั้งสติแล้ว สิ่งที่วางแผนคือ
(1) พรุ้งนี้เช้าไปตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (โรคติดต่อไม่ได้มีแค่ HIV/AIDS นะครับ แต่ยังมีพวก Syphilis หรือ พวกพาหะนำพาโรคมะเล็งปากมดลูกอีก) ถ้าน้องมีโรคก็ค่อยรับยาต้าน
(2) โทรหาคลีนิคนิรนาม หรืออีกชื่อนึงคือ คลีนิคโรคเอดส์ สภากาชาติไทย(
www.adamslove.org)
---เช้าวันรุ่งขึ้น---
ผมได้โทรไปหาน้องแต่กลายเป็นว่าน้องไม่อยากตรวจ น้อง อ้างเหตุผลว่าไม่เป็น มีคนเข้ามาตรวจอยู่แล้ว แต่ ผมไม่ยอม ยืนยันว่าอยากจะตรวจทั้งคู่ ไปมาๆพูดกันจนได้ตรวจ ปรากฏว่าน้องเป็นชาวเพื่อนบ้าน น้องจึงไม่อยากตรวจ ซึ่งผลตรวจก็ออกมาว่าทั้งผมและน้องไม่มีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธฺ์ ผมได้ถามน้องต่ออีกว่า ถุงแตกล่าสุดเมื่อไหร หรือ มีอะไรไม่ป้องกันล่าสุดเมื่อไหร น้องก็ได้ตอบว่า ประมาณ 2-3อาทิตย์ก่อนมีอะไรกับลูกค้าแล้วถุงแตก ผมนี่หน้าซีดเลย ซึ่งผมได้โทรไปหาคลีนิคนิรนามเพื่อขอความเห็น ทางคลีนิกเลยบอกให้ผมรับยาต้านไวรัสโรค เอดส์ 30 วัน เพื่อความมั่นใจ ซึ่งผมก็ตัดสินใจว่าผมจะรับยาต้าน
ยาต้าน:
ทาน 30 วัน 12ชม/ครั้ง ห้ามขาด โดยยาจะมีผลข้างเคียงคือที่อาจจะมีได้คือ ถ่ายเหลว อาเจียร หรือ ไม่อยากอาหาร ของผมถ่ายเหลว ครับ เป็น 30 วันที่อยากจะบอกว่า ไม่มีความมั่นใจในการใช้ชีวิตเลย ต้องมานั่งลงเวลา (สำหรับตัวเอง) ว่ามื้อนี้ทานกี่โมงมื้อต่อไปต้องทานกี่โมง

ช่วงนั้นนี่เห้อออออ
สรุปแล้ว หลังจากทานครบ 30 วันผลออกมาว่าผมปกติครับ หลายๆคนอาจจะบอกว่าผมทำเกินไปแต่ผมว่า เซฟตี้เฟริสดีที่สุดครับ หลังจากได้ปรึกษาเพื่อนๆหมอหลายๆคน เค้าก้บอกว่า นี่น่าจะทางดีที่สุดแล้วเพราะว่า ผญ อาจจะเป็น AIDS/HIV carrier โดยไม่รุ้ตัวช่วงที่เรายังตรวจไม่เจอก็ได้ครับ




