ความรักที่มีแต่สุข ไม่มีทุกข์เจือปน เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ในทางพุทธศาสนา ความรักอันบริสุทธิ์ที่จะนำชีวิตไปสู่ความสุขแท้ คือความรักที่ต้องอาศัยคุณธรรม ๔ ประการ คือ
พรหมวิหาร ๔ อันประกอบด้วย
๑. เมตตา ปรารถนาให้เขามีความสุข
๒. กรุณา ปรารถนาให้เขาพ้นจากทุกข์
๓. มุทิตา พลอยยินดีด้วยเมื่อเขาได้ดี
๔. อุเบกขา ทำใจเป็นกลาง วางเฉย
เมตตา คือ ความรัก ความปรารถนาดีให้เขามีความสุข การเจริญพรหมวิหาร ๔ เริ่มต้นด้วยเจริญเมตตาก่อน เพราะกรุณา มุทิตา และอุเบกขานั้น เป็นคุณธรรมที่สูงขึ้นไปตามลำดับ ต้องใช้กำลังสติปัญญามากยิ่งๆ ขึ้นไป
กรุณา คือ ความสงสาร เมื่อเห็นเขามีความทุกข์ ก็คิดหาทางช่วยเหลือปลดเปลื้องทุกข์ของเขา
กรุณาต่อตนเอง หมายถึงมีจิตใจอยากจะช่วยเหลือตนเองให้พ้นจากทุกข์ ด้วยการสำรวจตนเอง มองดูชีวิตตัวเอง เริ่มต้นที่การกระทำด้วย กาย วาจา มีอะไรบ้างที่เราควรแก้ไข ปรับปรุงตน เริ่มต้นตรวจดูด้วยศีล ด้วยกฎหมาย ระเบียบ วินัย กติกาของสังคม หรือจากการที่พ่อแม่ ครู อาจารย์ หรือเพื่อนๆ ได้ว่ากล่าวตักเตือนเรามีอะไรบ้าง จุดอ่อน จุดบกพร่องของตนเองเลือกมาข้อใดข้อหนึ่ง ทบทวนตามเหตุผล ยกขึ้นมาตั้งไว้ในใจ ตั้งใจจะแก้ไขปรับปรุง พิจารณาอยู่บ่อยๆ เป็นประจำ ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ขึ้น เหตุการณ์กำลังเกิดขึ้น เมื่อเหตุการณ์ผ่านไปแล้ว "ตั้งใจอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น" เมื่อเรามีจิตกรุณาที่จะปรับปรุงแก้ไขตัวเองแล้ว ก็ให้อาศัยอิทธิบาท ๔ อันได้แก่
ฉันทะ มีความพอใจในการแก้ไขปรับปรุงตนเอง
วิริยะ มีความพยายาม มีความตั้งใจสม่ำเสมอ
จิตตะ มีจิตใจจดจ่อในการแก้ไขปรับปรุง
วิมังสา ใช้ปัญญาทบทวน พิจารณาหาเหตุผล
ความกรุณาที่แท้จริงต้องมีพื้นฐานของความเมตตาอยู่ด้วยเสมอ ดังนั้นการที่เราจะว่ากล่วตักเตือนใคร โดยเข้าใจว่าเป็นความกรุณาที่ต้องการให้เขาพ้นจากทุกข์ เราต้องสำรวจความรู้สึกตนเองให้ดีด้วยว่า ไม่ได้เจือด้วยความโกรธ หากเรามีเมตตา เราย่อมปรารถนาให้เขาเป็นสุข การว่ากล่าวตักเตือน เราจะต้องคำนึงถึงความรู้สึกของเขาด้วย
ต้องทำไปเพื่อประโยชน์และความสุขของเขาจริงๆ
มุทิตา คือ ความยินดีเมื่อเขาได้ดี เห็นเขาอยู่ดีมีสุข เจริญก้าวหน้าก็พลอยแช่มชื่นเบิกบานใจ ไม่คิดอิจฉาริษยาและพร้อมที่จะส่งเสริมสนับสนุน มุทิตาธรรมที่สมบูรณ์ จึงต้องประกอบด้วยคุณธรรมของความเมตตาและกรุณาอยู่ในตัวนั่นเอง
อุเบกขา คือ ความวางใจเป็นกลาง เป็นปกติ ไม่ยินดี ยินร้าย เมื่อใช้ปัญญาพิจารณาเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เป็นไปตามสมควรแก่เหตุปัจจัยตามกฎแห่งกรรม
ที่สุดของอุเบกขา คือไม่มีปฏิฆะ อันหมายถึง ความกระทบกระทั่งใจ ความหงุดหงิดขัดเคืองเกิดขึ้นในใจแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะมีเรื่องราวเดือดร้อนรุนแรงขนาดไหนเข้ามากระทบ ก็ทำใจปล่อยวางและสงบใจได้ อุเบกขาจึงเป็นคุณธรรมขั้นสูงอันเปี่ยมไปด้วย เมตตา กรุณา มุทิตา อย่างสมบูรณ์ในขณะเดียวกัน
เครดิต ::
http://www.pantown.com/board.php?id=25487&area=3&name=board8&topic=38&action=view