อ่ะ มาตามที่จั่วหัวไว้แล้วครับ
วิธีคิดเปอร์เซ็นไขมันนั้นมี 2 วิธีครับ
วิธีแรกง่ายสุด ใช้เครื่อง inbody เหมือนที่ป๋าพงษ์โพสแหละครับ
วิธีใช้ก็ set ค่าตาม step ตามที่เครื่องบอก มันจะบอก body mass ของเราออกมา
แต่ว่า... ค่าที่ได้มันจะแปรผัน ไม่เท่ากันเสียทุกที แต่ก็พอทราบเปอร์เซ็นไขมันได้แบบคร่าวๆ
ส่วนวิธีที่สอง เป็นเครื่องที่เอามาหนีบผิวหนังของเรา เรียกว่า skin fold จุดที่วัดมี 4 จุดใหญ่ๆ ที่ไขมันสะสม
คือต้นแขนด้านหน้า ต้นแขนด้านหลัง หน้าท้อง และก็หลัง เอาค่าที่ได้มาบวกกัน จากนั้นเปรียบเทียบกับตารางค่า
ก็ได้ได้เปอร์เซ็นไขมันสะสมในร่างกายเป็นเปอร์เซ็นออกมา วิธีนี้ชัวร์สุด เพราะหนีบเอาเลย
เอาล่ะคราวนี้ได้เปอร์เซ็นไขมันแล้ว คราวนี้ลองมาหาว่าไอ้เปอร์เซ็นที่ได้เนี่ย มันกี่กิโล
วิธีคิดก็ไม่ยากครับ เอาน้ำหนักตัวของเราเองตั้ง คูณด้วยจำนวนเปอร์เซ็นที่ได้ ก็จะได้ค่าออกมา
ตัวอย่างนะครับ ผู้ชายน้ำหนักตัว 60 ก.ก. มีไขมันในร่างกาย 20% ก็คือ 12 ก.ก. พอจะมองภาพออกแล้วใช่ไหมครับ?
ไขมันน่ะ เป็นมวลที่ไม่หนาแน่น เมื่อเทียบกับกล้ามเนื้อหรือกระดูก ดังนั้น การที่ไขมันจะหนัก 1 ก.ก.ได้
ก็จะต้องมีขนาดใหญ่กว่ากล้ามเนื้อที่ 1 ก.ก. แน่นอน ตัวอย่างก็คือเหล็กกับไม้ที่หนัก 1 ก.ก.แหละครับว่ามันต่างกันขนาดไหน
ส่วนการจะลดไขมันนั้นไม่ใช่ว่าจะให้หายไปหมดจากร่างกายนะครับ เอาแค่ให้มันอยู่ในเกณฑ์ที่พอเหมาะก็พอ
ซึ่งระดับนักกีฬานั้นจะมีไขมันในร่างกายต่ำมาก ผมเคยวัดรุ่นน้องผมที่มันเล่นเวทจนกล้ามโตได้แค่ 5% เอง
คือเรียกว่าหาไขมันแทบไม่เจอ ถ้ามองจากตารางก็คือระดับดีมาก ระดับที่แนะนำก็แค่ระดับพอใช้เองครับ
ผู้ชายก็ 15-19 เปอร์เซ็น ผู้หญิงก็ 21-25 ครับ อยากรู้ว่าเท่าไหร่ก็เอาไปคำนวณกันเองแล้วกัน
คราวนี้ลองดูตัวอย่างที่ผมว่าไว้ ผู้ชายที่ว่านี้มีเปอร์เซ็นไขมัน 20% เกินกว่าที่กำหนด 1% ก็คือ 600 กรัม
ส่วนวิธีการลดไขมันที่มีประสิทธิภาพและได้ผลอย่างยั่งยืนที่สุดนั้นก็คือการออกกำลังกาย คงไม่ต้องอธิบายให้ยาวเหยียดนะครับว่าทำไม
ไขมันนั้นเกิดขึ้นเพราะร่างกายนำมาสะสมไว้เป็นพลังงานสำรอง ซึ่งก็มาจากอาหารที่เรากินกันทุกวัน หากร่างกายใช้พลังงานเหลือแล้ว
มันก็จะเก็บสะสมไว้ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย การออกกำลังกายก็คือการกระตุ้นให้ร่างกายใช้พลังงานสำรอง ในกรณีที่พลังงานหลักถูกใช้จนหมด
ปกติแล้วร่างกายจะเผาผลาญแป้งและน้ำตาลก่อน หากหมดแล้วก็จะนำไขมันมาเผาผลาญต่อ ดังนั้นการออกกำลังกายก็ใช่ว่าจะเผาผลาญไขมันตลอด
ถึงได้มีการคิดต้นโปรแกรมออกกำลังกายต่างๆ นานา เพื่อให้ได้ผลดีที่สุด คราวนี้เกิดคำถามแล้วใช่ไหมครับว่าแล้วธุรกิจลดความอ้วนอื่นๆ ทำได้ไง
มันทำได้ครับ แต่เป็นการใช้เทคโนโลยีเข้าช่วย ทั้งการดูดไขมัน เครื่องสลายไขมัน แต่เป็นการแก้ที่ปลายเหตุ เดี๋ยวก็เกิดการสะสมขึ้นมาอีก
ที่สำคัญ หากไขมันกลับมามีเหมือนเดิม ผู้คนก็ต้องกลับเข้าไปใช้บริการอีก ทำให้เสียเงินอีกหลายต่อ แต่การออกกำลังกายนั้น สามารถทำได้ด้วยตัวเอง
ที่สำคัญ แทบไม่เสียเงินด้วย หากแต่ใครอยากมีเทรนเนอร์หรือผู้แนะนำโปรแกรมออกกำลังกายก็ค่อยว่ากันต่อไป แต่สิ่งที่จะติดตัวไปตลอดก็คือความรู้ครับ
ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเลยทีเดียว ถ้าไม่ติดว่าค่าเทรนเนอร์ที่แสนแพง แถมอาจเจอเทรนเนอร์ที่ไม่เจ๋งจริง
โดยปกติแล้วหากออกกำลังกายอย่างถูกวิธี ความถี่ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ เดือนนึงจะสามารถเผาผลาญไขมันได้ 2% ครับ
ในขณะเดียวกันก็ต้องเสริมสร้างกล้ามเนื้อไปด้วย เนื่องจากกล้ามเนื้อสามารถเผาผลาญพลังงานได้ดีนั่นเอง เคยเห็นมั้ยครับ
คนบางคนกินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน เนื่องจากเขามีไขมันน้อย และกล้ามเนื้อเยอะ ทำให้เผาผลาญได้หมด ไม่เหลือสะสม ดังนั้นการเล่น Weight Training
จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ได้หมดแหละครับทั้ง free weight, body weight, machine weight, cable weight
หรือแม้กระทั่ง fit ball ผมไม่อธิบายนะครับว่ามันคืออะไร เปิดเน็ตเอาเองแล้วกัน
คนทั่วไปมักยึดติดกับน้ำหนักตัวเป็นส่วนมาก จนมองข้ามว่าเราต้องลดไขมันนะ ไม่ใช่น้ำหนักตัว เพราะฉะนั้นก็พยายามทำไงก็ได้ให้น้ำหนักลด
หลักๆ ก็อดอาหาร ในความเป็นจริงนั้นขอแค่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินก็โอเคแล้วครับ เน้นที่มื้อเช้า อัดเท่าไหร่ก็ตามใจท่านๆ เลย
เพราะเรามีเวลาทั้งวันในการเผาผลาญพลังงาน แต่คนส่วนมากไปอัดหนักที่มื้อเย็น จากนั้นก็นอน มันก็สะสมสิครับ เปลี่ยนมื้อหนักจากมื้อเย็น
เป็นมื้อเช้าก็ช่วยได้เยอะแล้วครับ หากหิวตอนกลางคืน ผลไม้ช่วยได้ แอ๊ปเปิ้ลกับฝรั่งหรือละมุดดีที่สุด เพราะน้ำตาลจากผลไม้เหล่านี้ให้แคลอลี่ที่ต่ำ
หลายๆ คนออกกำลังกายแล้วรีดไขมันออกไป ร่างกายดูเพียวลง แต่น้ำหนักตัวเท่าเดิมหรือมากกว่าเดิมก็มีถมไปครับ ง่ายๆ ก็คือไขมันลดลง
แต่กล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น อย่างที่ผมกล่าวไว้ข้างต้นว่ามวลมันต่างกัน ไขมันหายไป 1 ก.ก.นี่มันเยอะนะครับ จากนั้นสิ่งที่จะตามมา
ก็คือกำลังใจ คนเรานี่อยู่ได้เพราะกำลังใจจริงๆ ครับ อย่างคนที่จะตายเพราะมะเร็ง หากได้กำลังใจดีๆ สามารถอยู่ได้อีกนานเลย
เมื่อไขมันลด ร่างกายเริ่มเปลี่ยน คราวนี้อะไรก็หยุดไม่อยู่แล้วครับ ว่างเมื่อไหร่ก็จะออกกำลังกายกันลูกเดียว
เพราะฉะนั้น สำคัญที่การเริ่มต้นและกำลังใจครับ เฮ้อพิมพ์มายาวเหยียด หวังว่าคงมีประโยชน์ได้มั่งนะครับ หากลงลึงไปเดี๋ยวฟิตเนสเจ๊งพอดี 555+