-->

ผู้เขียน หัวข้อ: จี้คสช.รื้อระบบภาษีอสังหาฯใหม่ หนุนซื้อง่าย-ขายคล่อง  (อ่าน 666 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

  • Administrator
  • เทพเจ้าราตรี
  • *
  • กระทู้: 18150
  • Country: th
  • คะแนนจิตพิสัย +9/-0
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • cmxseed

จี้คสช.รื้อระบบภาษีอสังหาฯใหม่ หนุนซื้อง่าย-ขายคล่อง

ภาคอสังหาฯ เรียกร้อง คสช. ใช้โอกาสเปลี่ยนใช้ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง รื้อโครงสร้างระบบการจัดเก็บภาษีใหม่
ลดการจัดเก็บ ซ้ำซ้อน วอนลดภาษี ค่าธรรมเนียมซื้อ-ขายบ้าน เอื้อประชนซื้อขาย เปลี่ยนมือบ้านง่ายขึ้น


นับเวลานานหลายปีที่เดียวที่มีหลายภาคส่วนผลักดันให้รัฐบาลหันมาใช้ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (Property TAX)
แทนภาษีโรงเรือนที่ใช้กันมาอย่างยาวนาน แม้จะมีการแก้ไขบางมาตรา แต่ก็ถือว่าไม่เข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป
หลายรัฐบาลได้หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมา เพื่อนำไปสู่การบังคับใช้ โดยครั้งที่ใกล้ความเป็นจริงมากที่สุด คือยุคนายอภิสิทธิ์
เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ที่ร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ไปได้ไกลสุดในขั้นการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา
แต่ก็ถูกดึงไว้ ไม่ผ่านไปถึงคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งอาจมีสาเหตุจากภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างนี้ผู้ที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุด
คือผู้ถือครองที่ดินไว้ในมือจำนวนมาก และโดยเฉพาะปล่อยเป็นที่ดินรกร้างว่างเปล่า ซึ่งที่ดินเหล่านี้ล้วนอยู่ในมือของนักธุรกิจ
นักการเมืองเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ภาษีนี้ไม่เคยผ่านกระบวนการพิจารณามาจนกระทั้งบังคับใช้ได้เลย



สำหรับในครั้งนี้กลับต่างออกไป เนื่องจากผู้บริหารประเทศในปัจจุบันเป็นคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งมีอำนาจเบ็ดเสร็จ
เด็ดขาด สามารถประกาศใช้กฎหมายได้เลย อย่างไรก็ตาม เมื่อมีโอกาสเปลี่ยนกฎหมายแล้ว ควรแก้ไขปรับปรุงในบางประเด็น
เพื่อให้กฎหมายฉบับนี้มีความสมบูรณ์แบบ แก้ไขข้อด้อย ข้อบกพร่องของกฎหมายภาษีโรงเรือนฉบับเก่า


โดยภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ได้เสนอให้ คสช. ใช้โอกาสนี้แก้ไขระบบการจัดเก็บภาษีอสังหาริมทรัพย์ใหม่ เพื่อลดการจัดเก็บที่ซ้ำซ้อน
และสนับสนุนให้เกิดการซื้อ-ขายเปลี่ยนมือที่อยู่ได้ง่ายขึ้น อาทิ ควรลดการจัดเก็บค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม
ปัจจุบันเก็บที่ 2% ของราคาประเมิน ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหัก ณ ที่จ่าย 2-10% ขึ้นอยู่กับฐานภาษีและจำนวนปีที่ถือครอง


นายกิตติ พัฒนพงศ์พิบูล ประธานสมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัย กล่าวว่า คสช. ควรใช้โอกาสนี้ในการปรับเปลี่ยนโครงสร้างภาษีอสังหาฯใหม่
โดยเฉพาะการสนับสนุนให้การซื้อ-ขายบ้านทำได้ง่ายขึ้น ที่ผ่านมาประชาชนบางส่วนที่ต้องเปลี่ยนที่ทำงาน หรือหางานได้ใกล้
จากบ้านเดิมของตนเอง แต่ไม่สามารถซื้อบ้านใกล้ที่ทำงาน หรือบางรายต้องการขายบ้านหลังเก่าเพื่อซื้อบ้านหลังใหม่ที่ใหญ่ขึ้น
แต่ไม่สามารถทำได้ เพราะไม่สามารถขายบ้านหลังเดิมได้


ทั้งนี้ หากค่าธรรมเนียมในการซื้อ-ขายบ้านมีราคาที่ถูกเช่นในหลายประเทศ ที่จัดเก็บในอัตราคงที่ ก็จะทำให้เกิดการซื้อขาย
เปลี่ยนมือง่ายขึ้น เมื่อประชาชนซื้อบ้านใหม่ไม่ว่าจะเป็นบ้านมือสอง หรือบ้านมือ 1 ก็จะต้องซื้อข้าวของเครื่องใช้ ของตกแต่งบ้าน
เครื่องใช้ไฟฟ้า ฯลฯ เกิดการหมุนของเศรษฐกิจไปอีกหลายรอบ ต่างจากการซื้อขายสินค้าประเภทอื่น


ด้านนายอธิป พีชาชานนท์ นายกสมาคมอสังหา- ริมทรัพย์ไทย ระบุว่า สมาคมฯ เห็นด้วยที่รัฐบาลจะปรับโครงสร้างการจัดเก็บภาษีใหม่
เพราะเงินภาษีที่ได้จะเข้าสู่ท้องถิ่น เพื่อให้นำไปพัฒนาท้องถิ่นต่อไป แต่อย่างไรก็ตาม คสช. ควรปรับโครงสร้างการจัดเก็บภาษีใหม่
เพื่อไม่ให้เกิดการซ้ำซ้อนและควรลดค่าธรรมเนียมต่างๆ ลง เช่น ค่าธรรมเนียมการโอน และค่าจดจำนอง แต่ควรจัดเก็บในอัตราคงที
เช่น ค่าธรรมเนียมการโอน คิด 2% ภาษีใหม่จัดเก็บในอัตรา 2% แต่ไม่เกิน 5,000 บาทเป็นต้น อย่างไรก็ตามยังไม่มีรายละเอียด
ของร่างภาษีดังกล่าว จึงต้องรอดูต่อไป

นายอิสระ บุญยัง ที่ปรึกษาสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า ข้อดีของภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมีหลายประการ เช่น
การกระจายอำนาจทางการคลังสู่ท้องถิ่น สามารถจัดเก็บรายได้เอง ลดการพึ่งพิงงบประมาณจากส่วนกลาง ก่อให้เกิด
การใช้ที่ดินอย่างมีประสิทธิภาพ โดยตั้งข้อสังเกต 7 ประเด็น คือ

1. ทยอยการจัดเก็บเพื่อให้ประชาชนที่ไม่เคยเสียภาษีมาก่อนปรับตัว
2.กฎหมายควรยืดหยุ่นให้ท้องถิ่นใช้เป็นเครื่องมือในการส่งเสริมหรือชะลอการลงทุนในท้องถิ่น
3. รัฐบาลควรมีมาตรการสนับสนุนท้องถิ่นที่จัดเก็บภาษีได้น้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่สีเขียว พื้นที่เกษตรกรรม
4.ควรละเว้นการจัดเก็บภาษีสาธารณูปโภคภายในโครง การจัดสรรหรือนิคมอุตสาหกรรม
5.กรณีหมู่บ้านจัดสรรควรได้รับการลดหย่อนภาษี เพราะลูกบ้านต้องจ่ายค่าส่วนกลางเพื่อดูแลสาธารณูปโภคเอง
แต่หากจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรแล้วก็ควรจ่ายตามปกติ
6.ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเพื่อการสันทนาการ เพื่อการศึกษา ควรจ่ายภาษีในอัตราที่แตกต่างจากอาคารเพื่อการพาณิชย์
7.หากมีการประกาศใช้ ควรทบทวนโครงสร้างภาษีและค่าใช้จ่ายทุกประเภทที่เกิดขึ้นเมื่อมีการซื้อขาย เช่น
ภาษีธุรกิจเฉพาะ 3.3% จากราคาซื้อขาย ค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนและนิติกรรม 2% ของราคาประเมิน
ภาษีเงินได้ 2-10% ขึ้นอยู่กับฐานภาษีและจำนวนปีที่ถือครอง


สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ระบุว่า สาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ...
การจัดเก็บภาษี จัดเก็บจากบุคคลธรรมดา นิติบุคคล ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และผู้ครอบครองหรือทำประโยชน์
ในที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของรัฐโดยจัด เก็บจากราคาประเมินทุนทรัพย์ประเภทที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง และห้องชุด
ตามประมวลกฎหมายที่ดิน โดยมีเพดานอัตราภาษีที่เรียกเก็บ 3 อัตรา คือ อัตราภาษีทั่วไปไม่เกิน ร้อยละ 0.5 ที่อยู่อาศัย
โดยไม่ประกอบเชิงพาณิชย์ไม่เกินร้อยละ 0.1 และที่เกษตรกรรมไม่เกินร้อยละ 0.05

สำหรับที่ดินที่ทิ้งไว้ว่างเปล่าหรือไม่ได้ทำประโยชน์ตามควรแก่สภาพที่ดิน ใน 3 ปีแรกให้เสียภาษีไม่ต่ำกว่า อัตรา
ภาษีทั่วไปที่คณะกรรมการกำหนดอัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างได้กำหนดไว้ แต่ไม่เกินร้อยละ 0.5 ของฐานภาษี ตามที่
กำหนดในพระราชกฤษฎีกา และหากยังมิได้ทำประโยชน์อีกให้เสียเพิ่มขึ้นอีก 1 เท่าในทุก 3 ปี แต่ไม่เกินร้อยละ 2 ของฐานภาษี

ทั้งนี้ การกำหนดอัตราภาษีได้มีการปรับปรุงแก้ไขจากเดิมซึ่งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เป็นผู้กำหนดอัตราภาษี
เป็นให้ส่วนกลางเป็นผู้กำหนดอัตราภาษีโดยคณะกรรมการกำหนดอัตราภาษี เนื่องจากเห็น ว่าถ้าให้ อปท. เป็นผู้กำหนด
อาจกำหนดอัตราภาษีที่ต่ำมากเกินไป คณะกรรมการดังกล่าวจะพิจารณากำหนดอัตราภาษีจากข้อมูลการเสียภาษีและมูลค่า
ของทรัพย์สินที่เสียภาษีที่คณะอนุกรรมการจัดทำข้อมูลการจัดเก็บภาษีประจำจังหวัดส่งมาให้ กรณี อปท.
เห็นว่าอัตราภาษีที่คณะกรรมการกำหนดต่ำเกินไปก็สามารถกำหนดอัตราภาษีเพิ่มขึ้นแต่ไม่เกินเพดานที่กฎหมายกำหนด

ผลของการจัดเก็บภาษีดังกล่าวจะทำให้เจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัยเองซึ่งปัจจุบันไม่ต้องเสีย
ภาษีบำรุงท้องที่ต้องเข้ามาอยู่ในระบบภาษี โดยผู้เสียภาษีบำรุงท้องที่ส่วนใหญ่ต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้นเนื่องจากปัจจุบัน
จัดเก็บจากฐานราคาปานกลางของที่ดินปี 2521 ถึง ปี 2524 แต่จะมีผู้เสียภาษีโรงเรือนและที่ดิน บางส่วนเสียภาษีลด
น้อยลงกว่าเดิม เพราะปัจจุบันจัดเก็บในอัตราที่สูงมากคือร้อยละ 12.5 ของค่าเช่าต่อปี

การยกเว้นทรัพย์สินที่ไม่ต้องเสียภาษี เจตนาต้องการยกเว้นทรัพย์สินที่ไม่ต้องเสียภาษี ให้น้อยที่สุด เช่น พระราชวัง
ทรัพย์สินของรัฐที่ใช้ในกิจการของรัฐ หรือสาธารณะ ทรัพย์สินที่เป็นศาสนสมบัติ ทรัพย์สินตาม ที่กำหนดโดยพระราช
กฤษฎีกา ทั้งนี้ได้ยกเว้นทรัพย์สินที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัยของตนไม่เกินมูลค่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่กำหนดโดยพระราช
กฤษฎีกา สำหรับผู้ที่มีรายได้น้อย และยกเว้นภาษีให้แก่เกษตรกรที่ใช้ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของตนเพื่อประกอบ
เกษตรกรรมเป็นการทั่วไปไม่เกินมูลค่าที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกา

นอกจากนี้ได้มีบทเฉพาะกาลให้มีการเตรียมความพร้อมเมื่อมีการนำภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมาใช้ภายในระยะเวลา 2 ปี
ทั้งเรื่องการทำแผนที่ดิจิตอลให้ตรงกับโฉนดที่ดินเพื่อประเมินราคาที่ดินรายแปลง การเตรียมความพร้อมสำหรับ อปท.
ในการสำรวจที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในเขตท้องถิ่นของตน การจัดทำบัญชีรายการที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างของผู้เสียภาษี

การบรรเทาภาระภาษีสำหรับผู้เสียภาษีซึ่งไม่เคยเสียภาษีโรงเรือนและที่ดิน และภาษีบำรุงท้องที่มาก่อน (ที่ดินและ
สิ่งปลูกสร้างที่ใช้อยู่อาศัยเอง) ให้เสียร้อยละ 50 ของภาษีที่ต้องเสียในปีแรก ร้อยละ 75 ของภาษีที่ต้องเสียในปีที่ 2 และ
เสียภาษีตามจำนวนเงินที่ต้องเสียในปีที่ 3 ส่วนผู้ที่เสียภาษีโรงเรือน และที่ดินและภาษีบำรุงท้องที่ปัจจุบัน หากมีภาษีที่ดิน
และสิ่งปลูกสร้างเพิ่มขึ้นจากที่เคยเสีย ให้บรรเทาภาระภาษีเฉพาะส่วนที่เพิ่มขึ้นในปีแรก ร้อยละ 75 ของภาษีที่ต้องเสีย
เพิ่มขึ้น ร้อยละ 50 ในปีที่ 2 และเสียภาษีเท่ากับจำนวน ที่ต้องเสียทั้งหมาดในปีที่ 3 ผลของการจัดเก็บภาษีดังกล่าวจะทำ
ให้ อปท. มีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 40,000 ถึง 50,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ลดภาระด้านเงินอุดหนุนจากรัฐบาลเท่ากับ
จำนวนเงินที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่