อเมโนะ อูซูเมะ เทพีแห่งรุ่งอรุณ
อเมโนะ อูซูเมะ คือ เทพีแห่งรุ่งอรุณ หรือ เทพธิดาแห่งยามเช้า อเมโนะ อูซูเมะ ตอนแรกไม่ได้เป็นเทพีแห่งรุ่งอรุณ
แต่เป็นเพียงเทพธิดาองค์หนึ่งเท่านั้นที่ไม่มีบทบาทหรือหน้าที่เฉพาะเช่นนี้ แต่ด้วยเหตุการณ์ที่พระเทพีอมาเตระสุ
เสด็จหลบหนีไปสถิตยังถ้ำสวรรค์ด้วยความกริ้วพระอนุชา คือ เทพซูซาโนะโอะ เทพแห่งลม จึงทำให้โลกตกอยู่ในความมืด
เหล่าเทพเจ้าซึ่งรวมถึงเทพธิดาอเมโนะ อูซูเมะด้วย ต้องพยายามให้พระเทพีเสด็จออกจากถ้ำสวรรค์เพื่อให้แสงแห่งดวงอาทิตย์
ส่องสว่างแก่โลกอีกครั้ง เหล่าทวยเทพจึงลงมติโดยใช้กลยุทธ์ลวงให้เทพีเสด็จออกจากถ้ำ โดยนำอัญมณีต่างๆและกระจก
ไปแขวนไว้หน้าถ้ำ และบรรเลงดนตรีอย่างรื่นเริงชวนสนุกสนานมีร้องเต้นรำกัน
เทพธิดาอเมโนะ อูซูเมะ เมื่อได้ยินเสียงดนตรีชวนสนุกสนานเช่นนี้จึงขึ้นประทับบนถังไม้แล้วเริ่มการร่ายระบำอย่างร้อนแรง
ตามจังหวะของดนตรี ด้วยความสนุกสนานจนหยุดพระองค์ไม่ได้จึงเริ่มถอดเครื่องอาภรณ์ไปทีละชิ้นจนจะเปลือกกาย
เหล่าเทพพากันหัวเราะอย่างสนุกสนาน ด้วยอเมโนะ อูซูเมะเต้นรำเช่นนี้จึงเป็นสร้างความบันเทิงให้แด่เหล่าทวยเทพ 
พระเทพีอมาเตระสุทรงสงสัยว่าด้านนอกเกิดอะไรขึ้น ด้วยเสียงหัวเราะของเหล่าทวยเทพ ทำให้พระเทพีอยากร่วมสนุกด้วย
จึงปิดปากถ้ำออกเพื่อชมภาพภายนอก ทรงพบว่าเทพธิดาอเมโนะ อูซูเมะกำลังร่าบระบำอย่างทะลึ่งชวนขบขันทำพระเทพีทรงหัวเราะ
พระเทพีเมื่อแสงรัศมีแห่งดวงอาทิตย์ส่องรอดออกมาจากรอยแยกกระทบกับอัญมณีที่แขวนไว้อย่างดงาม พระเทพีทรงเห็นเงา
ของพระองค์บนบานกระจกทองเหลือง ใบพระพักตร์อันงดงามของพระเทพีทำให้พระองค์ทรงมีความภาคภูมิใจที่จะอวดโฉม
ความงดงามของพระองค์แด่โลกอีกครั้ง เหล่าเทพเจ้าเห็นแสงรัศมีรอดออกมาตามรอยแยกซึ่งแสดงว่าพระเทพีอมาเตระสุ
จะเสด็จออกจากถ้ำแล้วจึงช่วยกันเปิดปากถ้ำนั้นออก แสงแห่งดวงอาทิตย์ได้ส่องสว่างไปทั่วจักรวาลขจัดความมืดไปสิ้น
ซึ่งต้องการร่ายระบำอันทะลึ่งของเทพธิดาอเมโนะ อูซูเมะทำให้แสงสว่างกลับคืนสู่โลกอีกครั้ง และด้วยความเชื่อนี้จึงเชื่อว่า
ทุกคนที่ดวงอาทิตย์ขึ้นสู่ท้องฟ้าวันใหม่ได้นั้นแสดงว่า เทพธิดาพระองค์นี้ได้ทรงร่ายระบำอันทะลึ่งเช่นนี้เป็นการเชื้อเชิญ
ให้ดวงอาทิตย์ทำหน้าที่มอบความอบอุ่นและแสงสว่างแด่โลกของเช้าวันใหม่ จึงมีพิธีกรรมที่เวลาใกล้รุ่งสางจะมี มิโกะ
หรือนักบวชหญิงในศาสนาชินโตทำหน้าที่ร่ายรำบูชาพระเทพีอมาเตระสุ อันเป็นพิธีกรรมที่จำลองมาจากเทวตำนาน
ตอนนี้นั้นเอง นับแต่นั้นมาเทพธิดาอเมโนะ อูซูเมะได้รับการตั้งแต่เป็นเทพีแห่งรุ่งอรุณ ซึ่งมีหน้าที่เชื้อเชิญให้พระเทพีอมาเตระสุ
เสด็จมอบแสงสว่างแด่สากลโลกเพื่อความสงบสุขและความดีงามอีกครั้ง
อินาริ เทพแห่งกสิกรรม
อินาริ คือ เทพเจ้าแห่งกสิกรรม ทรงเป็นผู้คุ้มครองข้าวตามคติความเชื่อของศาสนาชินโต พระองค์ยังเป็นที่เคารพและบูชา
ในกลุ่มชาวญี่ปุ่นที่ประกอบอาชีพกสิกรมาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยเชื่อว่าหากกระทำพิธีบูชาเทพอินาริแล้วพระองค์จักประทาน
ความอุดมสมบูรณ์ให้แด่ไร่นาให้ข้าวออกรวงที่ทองอร่าม สร้างกำไรให้แก่ชาวนาจึงนำว่าเป็นเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่ง
อีกตำแหน่งหนึ่งของพระองค์ไปโดยปริยาย เทพอินาริมีหลายตำนานและความเชื่อซึ่งด้วยเป็นเทพเจ้าที่มีความนิยมในกลุ่มกสิกรอันเป็นชนชั้นสูงชนช้้นหนึ่งตามทรรศนะ
ของลัทธิหยู (ขงจื่อ) ที่ญี่ปุ่นรับอิทธิพลลัทธินี้มาจากประเทศจีน ซึ่งนับได้ว่าชนชั้นกสิกรนั้นเป็นชนชั้นที่มีเกียรติรองลงมา
จากชนชั้นปกครองของญี่ปุ่น บางทีเทพอินาริก็เป็นเทพธิดา มีพระนามว่า
"โอ อินาริ ซะมะ"
ภาพบูชาของเทพธิดาอินาริ ที่มีความหมายสื่อถึงความเป็นเทพธิดาแห่งกสิกรรมในหมู่ผู้นับถือที่เป็นสตรีชาวกสิกร คือ การเลี้ยงตัวไหม
ซึ่งเป็นอาชีพที่นิยมในหมู่สตรีชาวญี่ปุ่นมาตั้งแต่สมัยโบราณ จึงมีความเป็นไปได้ว่าการสร้างเทพเจ้าแห่งกสิกรรมขึ้นมาทั้งเป็นบุรุษ
และสตรีเพราะเพื่อตั้งขึ้นเป็นเทพเจ้าที่บูชาขึ้นในเฉพาะกลุ่ม หรือ การบูชาเทพเจ้าแยกกันระหว่างชายและหญิง
ดังนั้นจึงทำให้เทพหรือบางท้องที่เรียกว่า เทพธิดาอินาริ มีบทบาทต่อสังคมญี่ปุ่นมาเป็นเวลานานและแพร่หลายไปตามท้องถิ่นต่างๆ
จึงมีการสร้างเทวตำนานหรือบุคลิกของเทพเจ้าพระองค์นี้ให้แตกต่างกัน เช่น บางที่เป็นบุรุษ บางที่เป็นสตรี จึงสร้างความสับสน
ให้แก่ผู้ศึกษาสนใจในเทวตำนานของพระองค์มิใช่น้อย 
ซึ่งชาวญี่ปุ่นมักระบุว่า เทพเจ้าแห่งกสิกรรมนั้นมักปรากฏเป็นสองลักษณะ คือ หญิงสาวที่มีผมเป็นดอกไม้ (สื่อถึงความเจริญงอกงาม
ของผลผลิตทางการเกษตรในช่วงฤดูไม้ใบผลิ) และ ชายชราที่มีเคราดก (ซึ่งรูปลักษณ์เป็นที่นิยมสร้างเป็นเทวรูปบูชามาตั้งแต่สมัยโบราณ)
ดังเหตุนี้จึงเป็นสิ่งยืนยันว่า อินาริ อาจเป็นตำแหน่ง คือ ความเป็นเทพเจ้าแห่งกสิกรรม แต่มีเทพเจ้าสององค์ครองตำแหน่งนี้อยู่ก็เป็นได้
ตามศาลเจ้าของเทพอินาริ หรือ เทพธิดาอินารินั้น มักปรากฏรูปแกะสลักสุนัขจิ้งจอก ตั้งไว้หน้าทางเข้าศาลเจ้าเสมือนเป็นทวารบาลนั้น
เพราะชาวญี่ปุ่นเชื่อว่า เทพอินาริกับเทพธิดาอินารินั้นมีเทพจิ้งจอกเป็นบริวารนั้นเอง 
ความเชื่อในบรรดาผู้ที่นับถือเทพอินาริว่าเวลานอธิษฐานต่อเทพเจ้าอินาริแล้ว ต้องมาอธิษฐานยังรูปแกะสลักจิ้งจอกเทพอีกที
เพื่อให้จิ้งจอกเทพอันเป็นบริวารของเทพอินารินั้นคอยช่วยจดจำคำอธิษฐานของตนเพื่อคอยเตือนเทพเจ้าว่าอย่าทรงลืมคำอธิษฐาน
ของตนนั้นเอง ดูไปแล้วเหมือนความเชื่อในการอธิษฐานขอพรเทพเจ้าในศาสนาฮินดู ที่เมื่ออธิษฐานต่อเทพเจ้าแล้วต้องมา
แจ้งคำอธิษฐานซ้ำอีกทีกับเทพพาหนะอีกที เพื่อให้คอยเตือนเทพเจ้าถึงคำอธิษฐานของตน เป็นต้น
เทพียูเกะ โมชิเคยครองตำแหน่งเทพเจ้าแห่งกสิกรรม แต่พอสิ้นบุญตำแหน่งนี้จึงถูกถ่ายโอนเป็นของพระสวามี คือ เทพอินาริ บางตำนานเล่าว่าเทพอินาริเคยมีพระชายา (คงเป็นเทพอินาริที่เป็นบุรุษชรามีเคราดก) คือ ยูเกะ โมชิ เทพีแห่งอาหาร ซึ่งตอนนั้น
เทพียูเกะ โมชิ ทรงครอบครองตำแหน่งเทพเจ้าแห่งกสิกรรมมาก่อนที่เทพอินาริผู้เป็นพระสวามีจะมาดำรงตำแหน่งเป็นเทพเจ้าแห่ง
กสิกรรมแทนพระชายา ซึ่งต่อมาเทพียูเกะ โมชิทรงสิ้นบุญลงด้วยการถูกเทพสึคิโยมิ เทพแห่งดวงจันทร์ พระอนุชาองค์โปรด
แห่งพระเทพีอมาเตระสุ เทพีแห่งดวงอาทิตย์ผู้เป็นจักรพรรดินีแห่งสรวงสวรรค์สังหาร ร่างของเทพีแห่งอาหารจึงตกมายังโลก
เบื้องล่างกลายเป็น ธัญหาร ต่างๆ เช่น ข้าว , ถั่ว, งา และพืชผลทางการเกษตรต่างๆบนโลก การที่เทพอินาริทรงกลายเป็น
เทพแห่งกสิกรรมแทนพระชายาผู้ล่วงลับเท่ากับว่า เทพอินาริเป็นผู้คุ้มครองร่างของพระชายาอันเป็นที่รักไปด้วย เพราะข้าว
และ ธัญพืชต่างๆนั้นล้วนเกิดมาจากร่างของเทพียูเกะ โมชิ ทั้งนั้น ช่างเป็นตำนานความรักอันยิ่งใหญ่ที่แฝงอยู่เบื้องหลัง
แห่งเทพเจ้าแห่งกสิกรรมมาจนถึงปัจจุบัน
ภาพของศาลเจ้าเทพอินาริที่มีอยู่แม้กระทั่งในเมืองที่เจริญแสดงให้เห็นถึงภาพของอดีตที่ผู้ปกครองประเทศในอดีตให้ความสำคัญ
ต่อชนชั้นกสิกรของญี่ปุ่น จึงทำให้อิทธิพลการนับถือเทพอินาริแผ่กระจายไปทั่ว หรือ นับได้ว่าด้วยความสืบเนื่องดังนี้จึงทำให้
เทพอินาริกลายเป็นเทพเจ้าที่ครองใจชาวญี่ปุ่นและเป็นที่นิยมมาอย่างยาวนานตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน หรือไม่อาจมองให้เห็น
ถึงความรุกล้ำของความเป็นทุนนิยมเพราะบริเวณใดที่มีการบูชาเทพอินาริต้องเคยเป็นที่ๆมีไร่นามาก่อน ซึ่งพื้นที่บริเวณนั้นอาจ
เคยเป็นนาแต่ตอนนี้ถูกเปลี่ยนกลายเป็นเมืองตามแรงทุนนิยมในปัจจุบัน
จุดเด่นหนึ่งของศาลเจ้าอินารินั้นคือ ซุ้มประตูไม้สีแดงที่เป็นสัญลักษณ์ของศาสนาชินโต หรือ ประตูสวรรค์ ซึ่งมักใช้ระบุแสดงถึง
อาณาเขตว่าเป็นที่สถิตของเทพเจ้า ต่อเรียงกันอย่างสวยงามแปลกตาต่อผู้มาเยี่ยมเยือน 
หน้าแรก
ช่วยเหลือ
ปฏิทิน
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก