ในฐานะผมเป็นสมาชิกช่างทาสีแห่งภาคเหนือ ผมทามาแล้วนับสิบปีไม่เคยติดโรคสักครั้งเดียว ผมตรวจเลือดทุกปี เพราะผู้บัญชาการส่วนตัวอยู่ทำงานในสายชุดขาว ผมรู้..หลายท่านชอบแต่ไม่กล้าจะบอก ไม่กล้าจะลองกับผู้หญิงรับงาน เพราะกลัวจะติดเชื้อ HIV เริม หรือเชื้อต่างๆ ท่านคิดถูกครับ ในนั้นมันมีสารพัดเชื้อที่เรามองไม่เห็น การเจริญเติบโต การกระจาย การแพร่ ของเชื้อแต่ละตัวแตกต่างกัน ซึ่งเราก็ไม่รู้เช่นกัน แต่ผมจะดูปัจจัยหลายๆอย่างประกอบ เพราะผมมักขนาด ตั้งแต่สมัยวัยรุ่นผ่านมายันวัยใกล้สี่สิบแฟนทุกคน เด็กในสังกัด ผมวินิจฉัยทุกคนทุกวัยด้วยความใกล้ชิด
-สำรวจตัวเองก่อนตามคำเกจิแนะนำ ถ้ามีแผลในปากควรจะงดกิจกรรมทาสี
-ถ้าเป็นหมอนวดแผนโบราณ หน้าตารูปร่างถูกใจใช่เลย อดใจไว้ก่อน สำรวจกลิ่นตัว ถ้ามีกลื่นเหงื่อไคล ควรงดกิจกาม ถ้าหมอมีเวลาเตรียมตัวมากเขาจะอาบน้ำทำความสะอาดก่อนขึ้นนวด และมักจะใช้พวกแลคตาสิดทำความสะอาดนาผืนน้อย กลิ่นมันจะติดอยู่ผมจะคุ้นกลิ่นพวกนี้มาก ผมเชื่อว่า90%ของผู้หญิงที่ดูแลตัวเอง มักจะใช้ตอนอาบน้ำเสมอ
-สอบถามคิวหมอ ถ้าคิวต่อคิวเวลาเตรียมมีน้อย เต็มที่ก็สบู่ฟอก แต่ต้องดูหน้างานเป็นหลัก สำรวจด้วยตา ด้วยจมูก ให้แน่ใจที่สุดก่อนที่ท่านจะสะบัดปลายลิ้น
-วิธีการทาสี แน่นอนครับว่าต้องแตกต่างในการบรรเลง ถ้าเป็นแม่บ้านของเราซดอย่างหลู้ หีบอย่างน้ำก๋วยเตี๋ยวได้เต็มที่ ส่วนบทบรรเลงสำหรับหมอ ผมจะเน้นลูบคลำ คลึง แหก แซะ สะกิด ช่วงก่อนจะเล่นผมจะใช้เจลหล่อลื่นนำ Safeไว้ก่อน ถ้าหมอมีสนามสวย เนินงาม เมล็ดพันธ์โดดเด่น ก็จะแหกผึ่งอากาศสักแป๊บระหว่างนั้นก็เอานิ้วคลึง จากนั้นค่อยใช้ลิ้นตวัดเล่นไปมา แต่ผมเล่นไม่นานนะ เอาพอหายอยาก และงดกลยุทธ์ลิ้นแยงกวัดตวัดอย่างเด็ดขาด
-อุปกรณ์เสริมที่ผมพกประจำ
1.น้ำยาฆ่าเชื้อแบบพ่นในช่องปาก คามิโลซาน/มายบาซิน ร้อยกว่าบาท
2.เจลหล่อลื่น ถุงยาง เจลล้างมือ
"ศิลปะการทาสี มันก็ต้องทาสีอย่างมีศิลปะ"