-->

ผู้เขียน หัวข้อ: คุ้ยตำนาน สุดยอดอาวุธดังที่มีอยู่ในเกมและอนิเมชั่นต่างๆ  (อ่าน 13244 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

  • Administrator
  • เทพเจ้าราตรี
  • *
  • กระทู้: 18364
  • Country: th
  • คะแนนจิตพิสัย +9/-0
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • cmxseed

คุ้ยตำนาน สุดยอดอาวุธดังที่มีอยู่ในเกมและอนิเมชั่นต่างๆ



สวัสดีครับ คราวนี้นำเรื่องราวเกี่ยวกับตำนานของอาวุธ ที่เพื่อนๆ มักพบเห็นบ่อยๆ ในเกมต่างๆ
โดยเฉพาะ เกมแนว RPG และ MMORPG เพื่อนๆ หลายคนอาจจะเล่นเกมแล้วสงสัยว่า
อาวุธพวกนี้มันมีที่มาจากไหนยังไง ผมก็ได้นำเรื่องราวของอาวุธบางส่วน
มาแนะนำให้เพื่อนๆ ชมกันครับ


Balmung



ตามตำนานนอร์สนั้น ดาบบาลมุง (บ้างก็เรียกว่าบาลมง) เป็นดาบที่ถูกสร้างขึ้นโดย
ช่างตีดาบนามว่าเวย์แลน และ เทพโอดิน ซึ่ง เทพโอดินได้นำดาบเล่มนี้ไปปักไว้กับต้นโอ๊ก
ในพระราชวัง โวลซัง และ ได้เปล่งวาจาเอาไว้ว่าใครที่สามารถดึงดาบเล่มนี้ขึ้นมาได้
จะถูกดลบันดานให้ชนะในการต่อสู้ เจ้าชายแห่งอาณาจักรโวลซังทั้ง 9 พยายามดึงมันขึ้นมา
แต่คนที่ดึงขึ้นมาได้กลับเป็นเจ้าชายคนสุดท้อง ที่ชื่อว่าซิกมันด์ และนอกจากนี้
ยังเป็นดาบคู่กายของ ซิกฟรีต ยอดนักรบในตำนานของชาวเยอรมันด้วย



เป็นดาบที่ผมจำชื่อได้ดี ในสมัยที่เล่นเกม Ragnarok ยุคแรกๆ ถือเป็นดาบที่มี
ความสามารถสูงที่สุดในเกม(ของสมัยนั้น) บวกค่าสถานะเว่อๆ โจมตีเป็นธาตุลม
ซึ่งลือกันว่าไม่มีใครได้มีโอกาสใช้ยกเว้น GM (เหอๆ)



ส่วนเกมอื่นๆ อย่าง Castlevania หลายๆ ภาคก็มีดาบนี้เป็นอาวุธด้วยเช่นกัน




Longinus



หอกลองกินุสหรือที่รู้จักกันในนาม หอกแห่งโชคชะตา (Spear of Destiny) ตำนานมีกล่าวไว้ว่า
ตอนที่พระเยซูถูกตรึงกางเขนนายทหารโรมันชื่อ กาลิอัส คาสเซียส ลองกินุส (Gaius Cassius Longinus)
ซึ่งมีอาการตาใกล้บอดและได้รับหน้าที่ตรึงกางเขนพระเยซูต้องการจะหลีกเลี่ยงที่จะทำลายพระศพ
เขาจึงใช้หอกแทงไปยังสีข้างของพระองค์ และเมื่อพระโลหิตของพระเยซูกระเด็นมาโดน
ก็ทำให้ตาของเขากลับมามองเห็นได้ดีอีกครั้ง



จากนั้นทหารผู้นี้เกิดศรัทธาจนออกจากกองทัพและบวชเป็นนักบวชในศาสนาคริสต์ หลังจากนั้นเขาถูกทรมาน
โดยโรมันจนเสียชีวิตและกลายเป็นนักบุญลองกินุสในภายหลังและหอกที่เขาใช้แทงนั้นก็ถูกเรียกว่า หอกลองกินุส
เรียกได้ว่าเป็นอาวุธศักดิสิทธิ์อีกชิ้นหนึ่งเลยก็ว่าได้



หอกลองกินุส มีปรากฏอยู่ในเกมมากมาย เช่น Disgaea หรือแม้แต่ Castlevania ก็ยังมีการนำหอก
ลองกินุสมาใช้เป็นไอเทมในเกม และเกมที่มีหอกลองกินุสปรากฏมากที่สุดก็คงไม่พ้นซีรี่ส์ Final Fantasy
และไม่ใช่แค่เพียงในเกมเท่านั้น เพราะในอนิเมชั่นบางอย่างก็มีการนำหอกลองกินุสไปใช้
เช่น Evangelion เป็นต้น







Gungnir



หอกอีกอันที่น่าสนใจไม่แพ้กันก็คือ หอกกุงเนียร์ (บ้างก็เรียกว่า กังเนียร์) หอกของโอดิน เทพสูงสุด
ของศาสนา อาซาทรู อันเป็นศาสนาโบราณที่เคยนับถือของชนในแถบสแกนดิเนเวีย

เป็นหอกที่ว่ากันว่าไม่เคยพลาดเป้าแม้แต่ครั้งเดียว แต่ก็ใช่ว่าเทพโอดินจะใช้หอกเล่มนี้บ่อยนัก
และจากในตำนานนั้น เทพโอดินได้นำหอกนี้ออกศึกมหาสงคราม Ragnarok ด้วย



เป็นหอกอีกชิ้นที่โด่งดังในหลายๆ เกมไม่แพ้หอกลองกินุสเลยทีเดียวครับ สำหรับหอกกุงเนียร์
แต่อาจจะต่างจากลองกินุส ตรงที่ในเกมส่วนใหญ่ มักจะให้หอกกุงเนียร์เป็นธาตุสายฟ้า
แทนที่จะเป็นธาตุศักดิ์สิทธิ์ เหมือนๆ กับหอกลองกินุส







Aegis Shield



โล่ห์เอกิส (บ้างก็เรียกอิจิส) เป็นโล่ห์ประจำตัวของเทพีอาเธน่าในนิยายเทพปกรณัมป์กรีกซึ่งได้รับสืบทอด
มาจากเทพซุสอีกทีหนึ่ง ตามตำนานว่าไว้ว่า เทพีอาเธน่า เคยมอบโล่เอกิสให้กับวีรบุรุษเพอซิอุส
เพื่อให้ใช้โล่ห์นี้ช่วยในการปราบเมดูซ่ามาแล้ว



ในเกมส่วนใหญ่มักจะพบว่า โล่เอกิส เป็นไอเทมโล่ห์ระดับสูง แม้จะไม่ใช่โล่ห์ระดับสูงที่สุดของเกม
แต่หากมองในแง่ของความโด่งดังและเป็นตำนานนั้น ถือว่าโล่ห์เอกิสนี้เป็นที่รู้จักกันดีกว่า หากเพื่อนๆ
เคยเล่นเกม RPG หรือเกม MMO ต่างๆ ผมว่ากว่า 70 % ของเกมนั้นต้องมีโล่ห์นี้ให้ใช้ในระดับสูง
แน่นอนครับ








Masamune - Murasame



ในเกมหรือการ์ตูนหลายๆ เรื่องมักนำดาบสองเล่มนี้มาใช้พูดถึงเป็นดาบคู่

มาซามุเนะ และ มุราซาเมะ 
ดาบทั้งสองเล่มนี้จัดเป็นดาบในตำนานที่มีชื่อเสียงในด้านของการเป็นดาบ
ที่มีอำนาจลี้ลับอยู่ โดยในตำนานเล่าขานกันว่า หากนำดาบทั้งสองเล่มไปปักอยู่ในแม่น้ำ ให้คมดาบ
หันหน้าทวนกระแสน้ำ และเมื่อมีใบไม้ไหลตามน้ำมา ดาบมาซามุเนะ จะดึงใบไม้เข้ามาหาคมดาบ
และตัดใบไม้ทุกใบที่ผ่านเข้ามาให้ขาดเป็น 2 ท่อนเพียงแค่ใบไม้สัมผัสคมดาบ แต่กลับไม่มีใบไม้ใบใด
ไหลตามน้ำมาสัมผัสกับดาบมุราซาเมะได้เลย และหากมีใบไม้ไหลมาใกล้ๆ ก็จะเหมือนถูกพัดออกข้างๆ
และไหลผ่านไปได้อย่างปลอดภัย



ถึงแม้จะดูเหมือนว่าดาบแต่ละเล่มจะมีคุณสมบัติต่างกัน แต่ความเป็นจริงแล้ว ดาบทั้งสองเล่มนี้
ถือว่าเป็นดาบต้องคำสาปทั้งคู่เพราะว่าดาบมาซามุเนะนั้นจะมีความกระหายการฆ่าฟันอยู่ตลอดเวลา
แต่ดาบมุราซาเมะจะเป็นดาบที่มีรังสีที่สามารถขับไล่ได้แม้แต่สิ่งไม่มีชีวิต ดาบทั้งสองเล่มนี้ปรากฏ
ในเกมต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะเกมแนว RPG นอกจากนี้ยังมีปรากฎในภาพยนตร์และอนิเมชั่นอีกมากมาย


ที่จริงยังมีดาบมุรามาสะ อีกเล่มหนึ่ง ที่จัดว่าเป็นดาบอาถรรพ์เลยก็ว่าได้ แต่จากตำนานที่ผมไปหาข้อมูลมานั้น
ไม่ค่อยเหมือนกันสักเท่าไร ผมจึงไม่ได้นำมาเสนอครับ



ภาพเปรียบดาบทั้งสองเล่มเวลานำไปปักไว้ในแม่น้ำ ดาบมาซามุเนะจะผ่าใบไม้ออกเป็น 2 ซีก
แต่มุราซาเมะ จะพัดใบไม้ให้ออกห่างจากคมดาบและผ่านไปเอง





Kusanagi no Tsurugi



ดาบคุซานางิ โนะ สึรุงิ (หรือเรียกสั้นๆ ว่าดาบคุซานางิ) มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ดาบตัดหญ้า
เป็นอีกดาบที่มีประวัติอันยาวนานในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งในตำนานเล่าขานกันมาว่าเป็นดาบที่เทพ
สุซาโนโอะ โนะมิโคโตะ ตัดออกมาจากหางของอสูรงูยักษ์ 8 หัว นาม ยามาตะโนะ โอโรจิ
และสืบทอดดาบเล่มนี้ให้แก่จักพรรดิของญี่ปุ่นต่อกันมารุ่นต่อรุ่น



เหตุผลที่ถูกใช้ชื่อว่าดาบตัดหญ้านั้นเป็นเพราะในศึกสงครามที่แคว้นซางามิ เจ้าชายยามาโต้
ที่ถือครองดาบคุซานางิ อยู่ได้ถูกข้าศึกล่อลวงเข้าไปลอบสังหารเผาทั้งเป็นในทุ่งหญ้า
จนเจ้าชายยามาโต้ได้ชักดาบคุซานางิออกมา ก่อให้เกิดพลังงานแผ่รัศมีออกมาตัดต้นไม้
และพงหญ้าทั้งหมดในบริเวณนั้นขาดกระจุยจนหมดสิ้น







Excalibur



ดาบเอ็กซ์คาลิเบอร์ คือดาบในตำนานของกษัตริย์อาเธอร์ ที่เล่าลือว่ามีอำนาจวิเศษ
หรือมีความเกี่ยวข้องกับสิทธิ์อันชอบธรรมในการปกครองแผ่นดินอังกฤษ



ในบางครั้งก็เรียกดาบเอ็กซ์คาลิเบอร์ว่า ดาบในศิลา (Sword in the Stone)
ซึ่งใช้ในการพิสูจน์สิทธิ์ครองแผ่นดินของอาเธอร์ แต่ในงานเขียนหลายเวอร์ชัน
อาจแยกดาบทั้งสองนี้เป็นคนละเล่มกัน ดาบเอ็กซ์คาลิเบอร์นี้ปรากฏอยู่ในตำนาน
กษัตริย์อาเธอร์มานานแล้ว ในภาษาเวลช์เรียกดาบนี้ ว่า Caledfwlch



สำหรับดาบเล่มนี้ หากไม่พูดถึงก็คงไม่ได้ เพราะเป็นดาบที่ผมมั่นใจว่าผู้ที่เล่นเกม RPG
ทุกคนไม่มีใครไม่รู้จักมันแน่ๆ ครับ เพราะมันเป็นสุดยอดแห่งดาบศักดิ์สิทธิ์ ที่ใช้เป็นตัวแทน
แห่งแสงสว่าง ความถูกต้อง และความบริสุทธิ์ ที่ทุกเกม RPG ต้องมี และบางเกม
อาจใช้ดาบเล่มนี้เป็นอาวุธสุดยอดของเกมเลยก็มี




ที่จริงแล้ว อาวุธในตำนานที่ปรากฏในเกมและมีความน่าสนใจยังมีอยู่อีกมากมายครับ
หากนำมาพูดทั้งหมดเลยนี่ก็คงไม่พอแน่นอน ที่ผมยกมาเป็นเพียงแค่ส่วนนึงเท่านั้น
และบางตำนานก็อาจจะมีบันทึกเอาไว้หลากหลายรูปแบบ มีชื่อเรียกหลากหลายชื่อ
เอาไว้ในโอกาสต่อไปผมจะหาข้อมูลอาวุธอื่นๆ ที่น่าสนใจมาฝากเพื่อนๆ กันอีกนะครับ


cradit :: online-station.net
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13 กรกฎาคม 2012, 17:19:47 โดย etatae333 »
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่

nuttikon

  • V.I.P.
  • อาชาคะนองศึก
  • *
  • กระทู้: 1199
  • คะแนนจิตพิสัย +0/-0
    • ดูรายละเอียด

poojung3

  • เด็กหัดเสียว
  • **
  • กระทู้: 288
  • คะแนนจิตพิสัย +0/-0
    • ดูรายละเอียด

ว่าด้วยเรื่อง ดาบ Excalibur เพียวๆ

กษัตริย์อาเธอร์ และดาบ Excalibur



เชื่อกันว่ากษัตริย์อาเธอร์เป็นวีรกษัตริย์แห่งหมู่เกาะบริเทน พระองค์มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วยุโรป ทรงเป็นชายที่กอบกู้ดินแดนอันวุ่นวายให้กลับมาเป็นปึกแผ่นอีกครั้ง ผู้ครอบครองสุดยอดดาบศักดิ์สิทธ์อย่างเอกซ์คาลิเบอร์ ผู้มีพ่อมดในตำนานอย่างเมอร์ลินเป็นอาจารย์และที่ปรึกษา ผู้สร้างอัศวินโต๊ะกลมซึ่งทุกคนล้วนมีศักดิ์เท่าเทียมกัน ผู้(ที่สั่งให้เหล่าอัศวินโต๊ะกลม)ค้นหาและค้นพบจอกศักดิ์สิทธิ์ตามตำนาน ผู้ที่โดนหลานชายแท้ๆหักหลังก่อนที่จะตายไปและให้คำมั่นว่าจะกลับมาใหม่เพื่อปกป้องผ
ืนแผ่นดินของเกาะบริเทนอีกครั้ง

แม้ว่าชื่อเสียงของอาเธอร์จะโด่งดังจากเกาะอังกฤษก็ตาม แต่ถ้าดูจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์หลายอย่างกลับแสดงว่าเขานั้นเป็นผู้นำของชาวเวลส
์ และ ไอริช ที่เข้าต่อสู้กับชาวแองโกลแซกซอนหรือชาวอังกฤษในบัจจุบัน และถ้าอ้างจากเรื่องเล่าโบราณของชาวเวลส์โบราณหลายๆชิ้น เขานั้นไม่เคยมียศเป็น กษัตริย์ แต่เขาจะถูกเรียกขานด้วยยศ dux bellorun (แปลได้ว่า จอมทัพ) หรือแม้แต่ในช่วงยุคกลางของเวลส์เองก็ยังเรียกขานเขาด้วยคำว่า ameraudur ซึ่งมาจากคำว่า imperator ในภาษาละติน ซึ่งสามารถแปลได้ว่า จักรพรรดิ หรือ จอมทัพ

ตัวตนที่แท้จริงของเขานั้นก็ไม่ปรากฏชัดเจนว่าเป็นกษัตริย์หรือนักรบจากชนชาติใดกันแ
น่ บ้างก็เชื่อว่าเป็น ชาวโรมันที่ถูกส่งมาตีและป้องกันหมู่เกาะบริเทนในตอนนั้น บ้างก็ว่าเป็นชาวซาร์มาเที่ยน(Sarmatian) ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยในแถบยูเครนตอนใต้ บ้างก็ว่าเป็นชาวเวลส์แท้ๆ บางคนก็บอกว่ามันเป็นนิยายเพียวๆ บางที่บางแห่งก็บอกว่าแท้จริงแล้วเขาเป็นเทพเจ้าอวตารลงมา

แต่ไม่ว่าตัวตนที่แท้จริงของกษัตริย์อาเธอร์นั้นจะเป็นอย่างไรก็ตาม แต่การที่กษัตริย์อาเธอร์มีชื่อเสียงขึ้นมาได้ เราคงต้องมอบความดีความชอบนี้ให้กับเหล่ากวีหลายท่านดังเช่น เจฟฟรี่ย์ แห่งมอนมัท (Geoffry of Monmouth) นักบวช ชาวเวลส์ที่มีชีวิตอยู่ในช่วงคริสตศรรตวรรษที่ 11 ผู้ทำการเขียนหนังสือ Historia Regum Britanniae (History of the Kings of Britain) หรือประวัติศาสตร์กษัตริย์แห่งบริเทน ซึ่งเป็นเอกสารที่เป็นลายลักษณ์อักษรชิ้นแรกที่มีการกล่าวถึงกษัตริย์อาเธอร์ หลงัจากที่ก่อนหน้านี้นั้นเรื่องราวของกษัตริย์อาเธอร์เป็นเพียงเรื่องเล่าสืบทอดกัน
มาโดยไม่มีการจดบันทึก

เครเตียง เดอ ทรัว (Chretien de Troyes) ก็เป็นกวีชาวฝรั่งเศส ซึ่งมีชีวิตในช่วงคริสตศรรตวรรษที่ 11 เช่นเดียวกับ เจฟฟรี่ย์ แห่งมอนมัท ได้ทำการเรียบเรียงเขียนเรื่อง คาเมลอต (Camelot) ที่เป็นการรวบรวมมาจากเรื่องเล่าของเหล่าวณิพกขึ้นมาจดเป็นลายลักษณ์อักษารโดยใช้ เซอร์ลานเซอล็อต เป็นตัวละครเอก

และคนที่ทำให้เรื่องราวของกษัตริย์อาเธอร์เป็นที่รู้จักมากที่สุดก็คือ เซอร์โธมัส มาโลรี่ (Sir Thomas Malory) ผู้แต่งหนังสือ Le Morte d'Arthur (ความตายของอาเธอร์) ที่ถูกวางขายในปี 1485 โดยหนังสือเล่มนี้นั้นเล่าเรื่องของกษัตริย์อาเธอร์เกือบทั้งหมด ทั้งการกำเนิดและการเติบโตของอาเธอร์ , ศึกของกษัตริย์อาเธอร์กับทัพโรมัน , การตามหาจอกศักดิ์สิทธิ์ , ความสัมพันธ์ชู้สาวของเซอร์ลานเซอล็อตกับราชินีกวิเนเวียร์ ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้ก็ถูกนำไปสร้างเป็นสื่อมหรสพประเภทต่างๆ จนกลายเป็นเรื่องราวที่คนส่วนใหญ่รับรู้กันจนกระทั่งทุกวันนี้

จากหนังสือ Le Morte d'Arthur นี้เองที่ทำให้คนส่วนใหญ่เชื่อว่ากษัตริย์อาเธอร์ได้เสียชีวิตด้วยน้ำมือของ เซอร์มอร์เดร็ด (Sir Mordred) ผู้มีศักดิ์เป็นลูกนอกสมรสของกษัตริย์อาเธอร์กับ มอร์กอส (Morgause) พระภคินี (แต่บ้างก็ว่าเป็นเพียงหลานชายเท่านั้น) ยกทัพมาทำลายกรุงคาเมล็อทได้สำเร็จ และทำให้กษัตริย์อาเธอร์บาดเจ็บปางตาย หลังจากนั้นพระองค์ได้ไปยังเกาะศักดิ์สิทธิ์ อวาลอน(Avalon) โดยเทพธิดาแห่งทะเลสาบ (Lady of the lake) แต่บางตำราก็เชื่อกันว่าคนที่นำร่างของพระองค์ไปยังอวาลอนนั้นเป็นฝีมือของ มอร์เกน เลอ เฟย์ (Morgan le Fay) พระภคินีอีกองค์หนึ่งของกษัตริย์อาเธอร์ และเชื่อกันว่าพระองค์ยังไม่สิ้นพระชนม์และจะกลับมาปกป้องประชาราษฏรอีกครั้งเมื่อปร
ะเทศชาติมีภัยใหญ่หลวง

ใช่ว่าความเชื่อที่กษัตริย์อาเธอร์จะกลับมาอีกครั้งนี้ จะเป็นแค่เพียงเรื่องเล่างมงายเท่านั้น เพราะเมื่อศวรรตวรรษที่ 12 เมื่อชาวอังกฤษบัจจุบันได้เข้าปราบปรามชาวเวลส์ได้แล้วแต่ยังคงต้องเจอกับทัพกบฏอยู่
เรื่อยๆ ทางอังกฤษจึงพยายามที่จะค้นหาหลุมศพของกษัตริย์อาเธอร์เพื่อที่จะบั่นทอนกำลังใจของช
าวเวลส์แต่แล้วชาวอังกฤษก็ต้องแปลกใจเมื่อพวกเขาไม่เคยหาหลุมฝังพระศพพบ หรืออาจจะเพราะว่าพระองค์จะยังไม่สิ้นพระชนม์จริง ?


Excalibur & Avalon


อาวุธ : เชื่อกันว่ากษัตริย์อาเธอร์ทรงครอบครอง ดาบเอกซ์คาลิเบอร์ (Excalibur) ดาบในตำนานที่ว่ากันว่าสามารถฟันผ่านเหล็กอื่นได้อย่งง่ายดาย นอกจากความคมกริบเหลือคณาแล้วยังเชื่อกันว่าฝักดาบของดาบเอกซ์คาลิเบอร์นั้นมีพลังเว
ทย์มนต์แฝงอยู่ด้วย ซึ่งฝักดาบนี้เชื่อกันว่าทำให้ผู้ครอบครองมันจะไม่มีวันได้รับบาดเจ็บ ตามเรื่องเล่าที่ปรากฏมาในอดีตนั้นเชื่อว่าฝักดาบนี้ถูก มอร์แกน เลอ เฟย นำไปโยนทิ้งไว้และไม่เคยมีผู้ใดได้พบมันอีก ส่วนตัวดาบเอกซ์คาลิเบอร์นั้นตามตำนานที่มีการจดบันทึกมาเชื่อว่าตัวดาบนั้นมีที่มาส
องแบบคือ

1.) มาจากบทกลอนที่เป็นตำนานของเมอร์ลิน และปรากฏอีกครั้งในหนังสือ Le Morte d'Arthurโดยในเรื่องนี้เชื่อว่า เอกซ์คาลิเบอร์เป็นดาบศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกปักไว้อยู่ในหินโดยผู้ที่จะดึงมันออกมาได้นั้นเป็นกษัตริย์ที่แท้จริง

2.) มาจากบทร้อยแก้วของฝรั่งเศสและปรากฏอีกครั้งในหนังสือ Le Morte d'Arthur โดยตำนานนี้เชื่อว่ากษัตริย์อาเธอร์ทรงได้รับดาบนี้จาก เทพธิดาแห่งทะเลสาบ หลังจากที่พระองค์ได้เสียดาบเล่มแรกไปในสนามรบ และก่อนที่กษัตริย์อาเธอร์จะสิ้นพระชนม์พระองค์ก็ทรงสั่งให้เซอร์เบดิเวียร์นำดาบนี้
ไปคืนแก่เทพธิดาแห่งทะเลสาบโดยการโยนดาบนี้ไปยังทะเลสาบ ซึ่งตามตำนาว่ากันว่าเมื่อเซอร์เบดิเวียร์โยนดาบลงไปยังทะเลสาบที่นิ่งสงบก่อนที่จะป
รากฏมือข้างหนึ่งชูขึ้นมาเหนือน้ำจับดาบนี้กวัดแกว่งไปมาสองสามครั้ง ก่อนที่ทั้งมือและดาบจะดำดิ่งหายลงไปในทะเลสาบแห่งนั้น

มาๆ : http://xchange.teenee.com/lofiversion/index.php/t57376.html

gundam1974

  • เด็กหัดเสียว
  • **
  • กระทู้: 268
  • คะแนนจิตพิสัย +0/-0
    • ดูรายละเอียด

สุดยอดครับ
ชอบมากๆ  pongz

dow252100

  • เด็กทะลึ่ง
  • ****
  • กระทู้: 98
  • Country: 00
  • คะแนนจิตพิสัย +0/-0
    • ดูรายละเอียด

เรื่องของ มาซามุเนะ และ มุรามาซะ   
ที่มาของดาบทั้งสองคือชื่อคนสองคนที่เป็นช่างตีดาบ  ไม่ใช่ดาบของปีศาจหรือดาบของสวรรค์

นานมาแล้ว ช่างตีดาบสองคนพบกันที่ข้างๆ ลำธารเล็กๆ แห่งหนึ่ง

เขา คือ มาซามูเนะ (Masamune) และ ศิษย์ของเขา มุรามาสะ (Muramasa) 

ทั้งคู่ได้พกดาบที่ดีที่สุดของแต่ละคนมา

มุรามาสะต้องการแสดงความสามารถของตนให้แก่ผู้เป็นอาจารย์ได้ประจักษ์ 

เขาได้เอาดาบของตนเองปักลงในลำธาร ทันใดนั้นมีใบไม้ใบหนึ่งถูกน้ำพัดผ่านมา 

เมื่อใบไม้ใบใดสัมผัสผ่านดาบมุรามาสะ ใบไม้นั้นก็ขาดเป็นสองท่อนเสมอ

มุรามาสะ ภูมิใจในดาบของเขามาก

ในขณะเดียวกัน มาซามุเนะ ก็ได้ชักดาบออกมา

และทำเช่นเดียวกับ ศิษย์ ของเขา

มุรามาสะจ้องดูดาบของมาซามูเนะ อย่างตั้งใจ และพบว่า 

ใบไม้ทุกใบที่พัดเข้ามาใกล้ดาบมาซามูเนะนั้น พัดผ่านดาบไปโดยไม่ได้อันตรายใดๆ แม้แต่ใบเดียว

มุรามาสะจึงได้เข้าใจ และละอายในความเยาว์ของตนเอง


เริ่องนี้เป็นเพียงตำนาน เพราะ มาซามูเนะ และ มุรามาสะ นั้นไม่ได้เกิดอยู่ในรุ่นเดียวกัน
เขาทั้งสองคนเกิดห่างกันมากกว่า 200 ปี   

น่าจะเป็นคนในสำนักทั้งสองมากกว่าที่ทดสอบดาบของเจ้าสำนัก

เรื่องนี้เป็นเพียง สิ่งที่เปรียบเทียบเท่านั้น
ว่าจุดมุ่งหมายสำคัญที่สุด ของดาบคืออะไร

จุดประสงที่ดาบ ถูกสร้างนั้น ไม่ได้มีไว้เพื่อการเข่นฆ่าเอาชีวิตกัน

แต่หากประสงค์ให้ผู้ใช้ดาบนั้น เลี่ยงตนเองให้พ้นภัยอันตรายทั้งปวงต่างหาก

ตราบจากอดีตถึงในปัจจุบัน ชาวญี่ปุ่นต่างยกย่องให้ 

ดาบมาซามุเนะ นั้นเหนือ กว่า มุรามาสะเสมอ

แต่ก็ว่ากันว่า  ที่ใบไม้ไม่โดนดาบมาซามูเนะนั้น  เนื่องจากมีไอสังหารออกมาจากดาบแม้

แต่สิ่งไม่มีชีวิตก็รับรู้และหลบหลีกในอานุภาพของมาซามูเนะ

แต่ดาบมุรามาสะนั้น  ไร้ซึ่งไอดาบ เนื่องจากว่ากันว่าเป็นดาบที่ตีจากความริษยา และความแค้น

ทำให้ไม่มีไอสังหาร  เพราะเป็นดาบที่ไม่ใช่ไว้ฆ่าใครแต่เป็นดาบที่ฟาดฟันทุกอย่างตรงหน้า
โดยไม่สนใจอะไร

เป็นเหตุผลว่า  ทำไม  มิยาโมโตะ มุซาชิ  นักดาบอันลือลั่นจึงใช้ไม้พายมาเหลาเป็นดาบไม้เพื่อสู้กับ ซาซากิ โคจิโร่  เพราะคำบอกอ้างนั้น  ว่า 

มุซาชินั้นใช้ดาบมาซามูเนะ  และ โคจิโร่ ใช้ มุรามาซะ  และเค้าพบว่าความสามาถนั้น ใกล้เคียงกันเหลือเกิน

จึงเป็นเหตุผลให้ มุซาชิมาสายกว่าเวลานัดเพื่อทำลายสามาธิของผู้ถือดาบมุรามาซะ  ที่ทำให้จิตใจ เร้าร้อนอยู่แล้ว ร้อนขึ้นไปอีก  และใช้ดาบไม้เพื่อไม่ให้รับรู้ถึงไอดาบ

หมายเหตุ  นี้เป็นเพี่ยงเรื่องเล่า ที่บอกต่อๆกันมาเท่านั้น  โปรดใช้ความคิดก่อนเชื่อ 

เห็นตำนานบางอันบอกว่า มุซาชิ ได้ มาซามุนะกับมุรามาซะไปใช้ทั้งคู่เลยนิ(มุซาชิใช้ดาบสองมือ) มิน่าในประวัติสาตร์พี่ท่านเก่งชนิดไม่มีใครสู้ได้เลย
น้องเอลี่ ชวนพี่มาเตะบอล

Adepoju

  • เด็กหัดเสียว
  • **
  • กระทู้: 243
  • Country: th
  • คะแนนจิตพิสัย +0/-4
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด

ดาบฟ้าฟื้น ก็เจ๋งนะ
เงินไม่สามารถซื้อได้ทุกอย่าง(ถ้ามันไม่มากพอ)
http://chiangmaitour.simdif.com/index.html

Pro-Big

  • ไม่ได้เจ้าชู้ แต่เนื้อคู่มันเยอะ
  • เด็กหัดเสียว
  • **
  • กระทู้: 375
  • Country: th
  • คะแนนจิตพิสัย +0/-0
    • ดูรายละเอียด

ผมชอบกระทู้นี้จริงๆอ่ะ ให้ 10 กะโหลกเลย  pongz pongz pongz pongz