1. "ล๊อกเกอร์ของคณะศิลปกรรมศาสตร์" ที่นั่นเคยมีคนเห็นคนนั่งห้อยขาอยู่บนล๊อกเกอร์ทีแรกเห็นแต่ขา
แต่ว่าเมื่อมองขึ้นไปกลับไม่มีตัวตนอยู่เลย
2. "ห้องมืด (ห้องล้างฟิล์ม) ของคณะนิเทศศาสตร์ " เรื่องมีอยู่ว่า....เมื่อก่อนมีรุ่นพี่คนหนึ่งได้เข้าไปล้างฟิล์มในห้องนี้
แล้วไม่ได้กลับออกมาอีกเลย.... มีคนเข้าไปหาตั้งหลายครั้งแล้ว
แต่ก็ไม่มีใครพบ...ได้มีนิสิตรุ่นน้องต่อมาเล่าให้ฟังว่า...
ยังมีเรื่องแปลกๆเกิดขึ้นอีก เช่น มีนิสิตได้เข้าไปล้างฟิล์มในห้องนี้
ขณะที่เข้าไปนั้นก็คิดว่าตนนั้นเข้าไปกับเพื่อน ก็มีการพูดคุยกัน
แต่ไม่ได้ยินเสียงตอบจากเพื่อน... บอกให้หยิบของส่งให้ ก็มีคนหยิบส่งให้...
แต่พอออกมาเห็นเพื่อนของตนอยู่นอกห้อง
จึงได้รู้ว่า ตนเข้าไปคนเดียว......แล้วใครล่ะที่เป็นคนหยิบของส่งให้...
ยังคงเป็นปริศนาอยู่.............
3. "บันไดวน คณะเภสัชศาสตร์" เป็นบันไดที่ปิดตายไม่ใช้แล้ว มีคนเล่าว่ามีคนเคยเห็นผู้หญิงใส่ชุดขาวตลอดทั้งตัว ยืนอยู่ที่บันไดนี้
4. "ทางเดินระหว่างตึกของคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์" ทางเดินที่ว่านี้มีประวัติอยู่ว่า สมัยก่อนมีสามีภรรยานักการของคณะสถาปัตย์ได้ทะเลาะกัน
....ฝ่ายภรรยาได้เอาปืนยิงสามีจนเสียชีวิต....
....เลือดสาดไปทั่วหน้าห้องทางเดินนี้........... ต่อมาเมื่อทางคณะได้มีการปรับปรุงพื้นชั้นหนึ่งได้มีการเทปูนไว้
แต่.......มีเฉพาะหน้าห้องนี้เท่านั้นที่ไม่ยอมแห้ง ทิ้งไว้นานสักเท่าไรก็ไม่ยอมแห้ง
...ทางคณะจึงต้องปูไม้กระดานทับไว้อย่างที่เห็นกันทุกวันนี้........5. "สระน้ำจุฬาฯ" เรื่องเกี่ยวกับสระน้ำจุฬาฯ ที่อยู่ด้านหน้าพระบรมรูป 2 รัชกาล มีเรื่องเล่าอยู่ 2 เรื่องคือ
5.1 "วันลอยกระทง" เชื่อกันว่าถ้าชาย-หญิงคนใด
ที่ยังไม่ได้เป็นคู่กันแล้ว ไปลอยกระทงร่วมกันแล้วจะได้เป็นคู่กัน
แต่ถ้าเป็นคู่กันแล้วไปลอยกระทงร่วมกันจะแยกกัน
5.2 ถ้าใครเดินผ่านสระน้ำจุฬาฯ แล้วเจอเต่าเป็นสัตว์ชนิดแรก
จะถือว่าโชคดี แต่ถ้าได้เจอตะพาบน้ำก่อนจะโชคร้าย
ยิ่งถ้าวันนั้นเป็นวันสอบเจอเต่าแล้วจะทำข้อสอบได้
แต่ถ้าเจอตะพาบน้ำข้อสอบจะยาก
6. "สระน้ำคณะวิทยาศาสตร์" เชื่อว่าถ้าใครไปให้อาหารปลาที่สระน้ำข้างรอบคณะวิทยาศาสตร์
แล้วเจอเต่าแสดงว่าเย็นวันนั้นจะโชคดี มีเจ้ามือเลี้ยงข้าว
7. "ลานเกียร์"และ "อนุสาวรีย์เกียร์" ว่ากันว่าหนุ่มวิศวะคนใดเดินสะดุดในลานเกียร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์
จะได้แฟนในคณะตัวเอง
ที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ จะมีอนุสาวรีย์เกียร์ ซึ่งห้ามขึ้นไปนั่งหรือเหยียบ
เพราะเชื่อว่า ถ้าทำแล้วจะโดนรีไทร์
8. "ป้ายคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี" เล่าว่า หนุ่มคนใด ถ้าบังเอิญเจอจิ้งจกเกาะหลังป้าย
คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จะได้แฟนอยู่คณะนี้
9. "ทางเดินระหว่างตึกคณะอักษรศาสตร์" อยู่ในตึกเทวาลัยหนึ่ง เป็นโถงที่มีพื้นสีแดง หากว่าใครไปสะดุดล้มที่นั่น
จะได้แฟนเป็นสาวอักษร (ทางที่ว่านี้ ปัจจุบันไม่ให้ใครเข้า)
10. "บันไดหน้าตึกขาวคณะวิทยาศาสตร์" เดิมทีนั้นตึกขาวคณะวิทยาศาสตร์ เคยใช้เป็นที่เรียนของคณะแพทยศาสตร์
และที่ใต้บันไดเคยใช้เป็นที่เก็บอาจารย์ใหญ่ เชื่อกันว่าห้ามนิสิตปี 1
คณะวิทยาศาสตร์ เดินขึ้นบันไดนี้ มิฉะนั้นจะถูก Retire
11. "บันไดกลางคณะครุศาสตร์" ที่คณะครุศาสตร์เชื่อกันว่าถ้านิสิตปี 1 เดินผ่านขึ้นลงบันไดกลางแล้วจะเรียนไม่จบ
แต่สำหรับผู้ที่ไม่รู้แล้วเดินผ่านก็ถือว่า
"ผู้ไม่รู้คือผู้ไม่ผิด"12. "บันไดหน้าคณะอักษรศาสตร์" ห้ามนิสิตคณะอักษรศาสตร์ถ่ายรูปที่บันไดหน้าคณะอักษรศาสตร์
เพราะเชื่อว่าจะทำให้เรียนไม่จบ และถ้าสำเร็จการศึกษาแล้วต้องไปถ่ายรูปที่นั่น
เพราะถ้าไม่ได้ถ่ายรูปที่นั่นเหมือนว่าเรียนไม่จบจริงๆ
13. ศิลปกรรมศาสตร์ ห้องล้างรูปว่ากันว่าห้องล้างรูปรวมของศิลปกรรมน่ากลัวที่สุด นอกจากเรื่องเห็นขาแกว่งแล้ว
ยังมีแสงลูกไฟสีต่างๆ แวบไปแวบมาในห้องล้างรูปอีกด้วย
(ซึ่งห้องล้างรูปจะต้องมืดหรืออาจให้มีแสงสีแดงได้สีเดียว)
บางทีก็มีเสียงเก้าอี้นั่งรอล้างรูปดังอี๊ดอ๊าด ทั้งๆ ที่ไม่มีคนนั่งรอ
หรือนิสิตบางคน ได้ยินเสียงคนตบแท็งค์น้ำในห้องล้างรูปทั้งๆ ที่ไม่มีคนอื่นในห้อง
ว่ากันว่านิสิตขอให้คณะย้ายห้องหลายครั้งแต่คณะไม่มีงบฯ
อันนี้เป็นข้อมูลหลายปีแล้ว ไม่รู้ป่านนี้ย้ายห้องหรือยัง
14. อักษรศาสตร์ ห้องสมุด ห้องสมุดที่ตึกเก่าของอักษร มีนิสิตชายคนหนึ่งไปอ่านหนังสือ
เห็นนิสิตผู้หญิงที่นั่งตรงข้ามก้มหน้าอ่านหนังสือนานมากไม่เงยหน้าซะที
เลยถามว่าเป็นอะไรรึเปล่า ผู้หญิงเลยเงยหน้าขึ้นมา ปรากฏว่า...ไม่มีหน้า
15. คณะวิทยาศาสตร์ ตึกชีววิทยาทางทะเล ชั้น 4 หรือชั้น 5 ไม่รู้ นิสิตที่อยู่ดึกบอกว่าเห็นเงาคน และแสงไฟวูบวาบบ่อยมากทั้งที่ไม่มีคน
ลิฟต์ก็ชอบเปิดชั้นนี้ทั้งที่ไม่มีคนกดเรียก
16. ห้องน้ำแถวภาควิชาเคมี อยู่ดีๆ บานประตูก็ปิดเอง (และล้อคด้วย) บ่อยมากๆ ทั้งๆ ที่ไม่มีลม และแน่นอน
ไม่มีคนเข้า พอนิสิตไปถามยามยามก็บอกว่าชินแล้ว
บอกอย่างทำใจได้ว่าถ้าเจอก็มาตามก็แล้วกัน จะไปช่วยไขกุญแจให้
17. ประตูอังรีฯเพื่อนเราอยู่คณะวิทยาศาสตร์ (สำหรับเพื่อนสาธิตรามขอบอกว่าคือ แนน) ขับรถมาทางประตูรัฐศาสตร์ อังรีฯ
จะวกรถออกไปแยกสุรวงศ์ เลยต้องไปรอเลี้ยวรถกลางถนน พอไฟส่องไปที่ใต้สะพานลอยฝั่งโรงพยาบาลจุฬา
ก็เห็นคนนั่งยองๆ อยู่ใต้สะพาน ทุกอย่างเหมือนคนทั่วไป
นอกจากหน้าเหมือนปูนปลาสเตอร์ที่ยังไม่แห้งแล้วโดนสาดน้ำน่ะ คือขาวๆ ย้อยๆ
ไฟหน้ารถเธอจับอยู่นานพอดูเพราะต้องรอกลับรถ เมื่อเธอหันไปดูเพื่อนผู้หญิงอีกคนที่นั่งมาด้วยกัน
ก็ไม่มีทีท่าว่าเห็นอะไร เหมือนเธอเลย เธอก็เลยทำเฉยๆ กลัวว่าเพื่อนจะกลัว
18. เศรษฐศาสตร์ประตูชั้นล่างที่จะออกไปโรงอาหารด้านหลัง ถูกกั้นไม่ให้เข้าออกเพราะเป็นทางผีผ่าน
มีคนเห็นอะไรแปลกประหลาดมามากมาย
19. ชั้นที่มีห้องพักนิสิต ป.โท (ไม่รู้ชั้นไหน)เพื่อนเราเพิ่งจบโทมาปีสองปี (สำหรับเพื่อนสาธิตรามขอบอกว่าคือ โอชิน) เล่าว่า
วันหนึ่งค่ำแล้วฝนตกหนักทุกคนกำลังจะกลับบ้าน แต่เลอะเทอะกันมากเลยกลับมาห้องพักนิสิตปริญญาโท
เพื่อหลบฝนและล้างโคลน เพื่อนเราไปล้างโคลนคนเดียวในห้องน้ำซึ่งอยู่ไม่ไกลจากห้องพัก
พอดีไฟดับ เพื่อนเราเลยโผล่ออกมาดูคนอื่นๆ ว่าเป็นไงบ้าง เห็นเงาดำๆ
อยู่ห่างออกไปตรงทางเดิน ทำท่าเหมือนกำลังเดินเข้ามาหา
เธอดูรูปร่างแล้วเลยเรียกชื่อเพื่อนผู้ชายในกลุ่มที่หุ่นแบบนี้
แต่เงาดำไม่ตอบ และเดินเท่าไหร่ก็ไม่ใกล้เข้ามาสักที
แป๊บนึงอยู่ดีๆ เงาดำก็หายไป เพื่อนเราคนนี้ก็เหมือนคนที่แล้ว คือ
ไม่ยอมบอกเพื่อนกลัวเพื่อนจะกลัว เดินกลับเข้าห้องไปรวมกลุ่มเฉยๆ
เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
20. หอหญิง (ตึกดำ)เพื่อนเราเคยอยู่หอหญิงบอกว่าชั้น 10 เนี่ยดุสุดๆ คืนหนึ่ง
ก่อนนอนกลัวว่าจะร้อน เลยเปิดประตูมุ้งลวดให้ลมเข้า คนที่นอนริมในสุดบังเอิญเป็นคนที่มีสัมผัสที่หกพอดี
เล่าว่ากลางดึกอยู่ดีๆ เธอก็ตื่นมา เมื่อมองไปนอกมุ้งลวด เห็นคนคลุมหัวเดินอยู่
ตอนแรกเธอนึกว่าเป็นเพื่อนที่เป็นมุสลิมในชั้นเดียวกันนั้น แต่ร่างที่ว่าเดินเท่าไรก็ไม่พ้นหน้าห้องซักที
ธอเลยรู้ว่าเจอดีเข้าแล้วก็เลยคลุมโปงนอนต่อ
21. วิศวกรรมศาสตร์ ห้องสมุดเราไม่เคยเข้านะเลยไม่รู้ว่าห้องนี้ยังใช้อยู่หรือเปล่า
แต่ที่ได้ยินมาคือ เป็นห้องที่ดัดแปลงจากอาคารที่เดิมเป็นตึกเรียนเก่า
กลางวันแสกๆ วันหนึ่งมีอาจารย์ท่านหนึ่งเข้าไปค้นหนังสือในส่วนที่ห้ามนิสิตเข้า
คือ ยืมได้แต่ห้ามเดินเข้าไปเองน่ะ ทีนี้อาจารย์ท่านนั้นกำลังก้มหน้าส่องหาหนังสืออยู่ตามชั้นต่างๆ
พอขยับหน้าผ่านไปตรงช่องว่างระหว่างหนังสือ ก็เห็นฝั่งตรงข้ามมีหน้าจ้องผ่านร่องหนังสือเข้ามา
เห็นว่าใส่ชุดนิสิตอยู่ด้วย อาจารย์ตกใจและโกรธด้วยเลยเดินไปถามว่านิสิตเข้ามาได้ยังไง
แต่พอเดินไปถึงช่องนั้นก็ไม่มีใครอยู่เลย ที่สำคัญพออาจารย์เดินหาจนทั่วพบว่า
แม้แต่เจ้าหน้าที่ห้องสมุดเองก็ไม่อยู่ด้วยซ้ำไม่มีทางที่ใครจะมาโผล่หน้าให้เห็นได้
แต่เมื่ออาจารย์เดินกลับไปหาหนังสือที่ชั้นเดิมก็ได้กลิ่นฉุนกลิ่นเหม็นไหม้ที่แรงมาก
22. ห้อง Sound Labห้องไหนไม่รู้และไม่รู้ด้วยว่าตึกที่ถูกทุบไปหรือตึกที่ยังอยู่ปัจจุบัน เพราะอักษรมี Sound Lab เยอะมาก
อาจารย์หญิงท่านหนึ่งรับฝากชั้นเรียนไว้ได้รับคำฝากฝังให้เปิดเทปให้นิสิตฟังและคอยเช็คชื่อก็พอ
ขณะกำลังเปิดเทป มีนิสิตหญิงคนหนึ่งนั่งอยู่หลังห้องไม่ยอมใส่หูฟัง
อาจารย์เดินไปถามก็ตอบว่าเจ็บคอ พอตอนออกจากห้อง
อาจารย์คอยเช็คชื่อ เห็นคนครบแต่ไม่มีชื่อเด็กคนที่ไปคุยด้วย และเด็กก็ไม่ยอมออกมาสักที
เลยเดินกลับไปหา ไปดูที่โต๊ะก็ไม่เจอ แต่พอหันออกมาจะกลับเห็น เด็กยืนอยู่กลางห้องสายหูฟังพันคออยู่
และโยงไปที่เพดาน อาจารย์หมดสติไปเลย มาทราบทีหลังว่ามีเด็กเพิ่งฆ่าตัวตายในห้องนั้น
23. ห้อง 415 หอพักนิสิตหญิงจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเล่ากันว่าถ้าหากวันไหนตื่นขึ้นมาตอนดึกๆ คนที่ตื่นขึ้นมาจะเห็นผู้หญิงใส่ชุดไทยมายืนอยู่ที่ปลายเตียง
ดาดฟ้าตึกพยาธิวิทยา
ตอนดึกๆ หรือตอนเย็นๆ ใกล้ค่ำ
ถ้าหากมีใครขึ้นไปบนดาดฟ้าจะเห็นคนยืนนุ่งชุดสไบสีขาว
สิ่งศักดิ์สิทธิ์1. "พระบรมรูป 2 รัชกาล" เป็นพระบรมรูปที่เป็นที่เคาารพสักการะ ของชาวจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและบุคคลทั่วไป
เป็นพระบรมรูปของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5)
และพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่6)
ซึ่งมหาวิทยาลัยนี้ได้ใช้พระนามของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
และผู้สถาปนาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คือ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระบรมรูป 2 รัชกาลนี้เป็นที่เคารพสักการะของนิสิตจุฬาลงกรณ์เป็นอย่างมาก
โดยที่หากนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยคนใด เดินเข้ามาในบริเวณมหาวิทยาลัย
และผ่านพระบรมรูป 2 รัชกาลนี้ จะพนมมือไหว้ เพื่อเป็นสิริมงคล
ทั้งในเวลาที่เข้ามหาวิทยาลัยและออกจากมหาวิทยาลัย นอกจากนี้ถ้าหากใครมีเรื่องต้องการบนบานศาล กล่าวก็มักจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับผลการสอบ
ของนิสิตนั่นเอง เช่น ขอให้เกรดเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม , ขอให้ผลการเรียนไม่มี F ,
ขอให้ไม่ตกมีน (ค่ากลางของคะแนนแต่ละรายวิชา) เป็นต้น
นักเรียนที่ต้องการสอบเข้ามหาวิทยาลัย เพื่อเข้าเป็นนิสิตแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ก็จะไปบนบาน กับพระบรมรูปของทั้ง 2 รัชกาล สิ่งที่มีการนำมาใช้บูชาพระบรมรูป 2 รัชกาลนี้
จะเป็น "ดอกกุหลาบสีชมพู" เพราะพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงโปรดปรานดอกกุหลาบสีชมพูเป็อย่างมาก จึงมีการนำดอกกุหลาบสีชมพูมาใช้
เป็นสิ่งที่ใช้ในการบูชา2. "ศาลพระภูมิ หอพักนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย" ศาลพระภูมินี้จะเป็นนที่สักการะบูชาของชาวหอพักนิสิตนี้ได้ตั้งขึ้นพร้อมกับหอพักนิสิต
โดยเฉพาะสำหรับนิสิตชั้นปีที่ 1ที่ผ่าน ประเพณีการรับน้องใหม่รุ่นพี่จะพาน้องๆมาไหว้ศาลแห่งนี้
เพื่อความเป็นศิริมงคล และเป็นการแสดงการฝากตัว ประกอบกับความเคารพให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง เมื่อเข้ามาอยู่ในหอพักนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มื่อเดินผ่านศาลพระภูมิไม่ว่าจะเข้าหรือจะออกจาก
หอพักนิสิตนิสิตจะไหว้แสดงความเคารพเสมอ3. " ศาลหลวงชัยอัศวรักษ์ คณะสัตวแพทยศาสตร์" หลวงชัยอัศวรักษ์เป็นชื่อของคณบดีคนแรกของคณะสัตวแพทยศาสตร์
ซึ่งท่านเป็นที่สักการะของนิสิตในคณะนี้มาก
หลังจากนั้น ท่านได้เสียชีวิตลงจึงตั้งศาลขึ้นที่คณะเพื่อเป็นที่เคารพบูชาของชาวคณะ
4. "ศาลพระภูมิ คณะรัฐศาสตร์" เป็นศาลที่ตั้งขึ้นมาพร้อมกับการแรกเริ่มตั้งคณะรัฐศาสตร์ ซึ่งเล่ากันว่าในอดีตเจ้าที่
ในบริเวณนี้มีความศักดิ์สิทธิ์มาก จนถึงกับต้องตั้งศาลเพิ่มขึ้นพร้อมกันถึง 5 ศาล
ต่อมาจึงลดจำนวนลงเหลือเพียงศาลเดียว ปัจจุบันศาลนี้เป็นที่สักการะของชาวรัฐศาสตร์
เมื่อถึงประเพณีการรับน้องใหม่รุ่นพี่จะนำรุ่นน้องมาสักการะ ณ ศาลแห่งนี้
5. "ต้นไทรใหญ่ ที่ลานไทร คณะรัฐศาสตร์" เมื่อมีการนำผ้าไปผูกที่โคนต้นไม้ก็มักจะเข้าใจกันว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์ที่น่าเคารพสักการะ
หรือเคยมีปาฏิหารย์เกิดขึ้น โดยที่ต้นไทรคณะรัฐศาสตร์นี้เพิ่งจะมีการผูกผ้าสีได้ไม่นานนัก
คือ ไม่ได้เริ่มตั้งแต่ก่อตั้งคณะซึ่งตั้งมากว่า 51 ปีแล้ว คนที่มาผูกผ้านี้ เข้าใจว่า
คงเป็นนิสิตของคณะที่เคยบนบานกับต้นไม้นี้หรือพูดลอยๆกับต้นไม้นี้ ว่า
ถ้าหากสอบผ่านแล้วจะเอาผ้าสีมาผูกต้นไม้ แล้วสอบผ่านจริงๆ ก็เลยมีการเอาผ้าสีไปผูกต้นไทร
อีกทั้งต้นไทรมีขนาดใหญ่และมีอายุมากจึงเป็นของศักดิ์สิทธิ์ไปโดยปริยาย
6. "สัญลักษณ์ Rx คณะเภสัชศาสตร์" อยู่ข้างลานบ่อน้ำพุตึกเภสัชเก่า ห้ามไม่ให้นิสิตเดินข้ามสัญลักษณ์นี้
เพราะถือว่าเป็นของศักดิ์สิทธ์ของคณะ
7. "ถ" ที่คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จะมีสัญลักษณ์ "ถ" ในคณะ ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ประจำคณะ
และห้ามนิสิตข้ามหรือเดินเหยียบ เนื่องจากสัญลักษณ์ของคณะ
ถือว่าศักดิ์สิทธิ์และยังมีการห้ามเหยียบ "ถุง" ที่คณะนี้อีกด้วย
8. "ใบชงโค" คณะอักษรศาสตร์ ห้ามเด็ดใบชงโค ห้ามถ่ายรูปกับบันไดนาคเทวาลัย บริเวณแถบคณะอักษรศาสตร์
จะมีต้นไม้ ต้นใหญ่ที่มีมานาน กว่า 30 ปี คือ ต้นชงโค โดยชาวคณะอักษรฯ เชื่อกันว่า ใบชงโคหน้าคณะนั้น
“ห้ามเด็ด เด็ดขาด” เพราะจะถือว่านำใบไม้ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ประจำสถาบัน พร้อมกับห้ามถ่ายรูปหน้าบันไดนาคที่เทวาลัย หากใครถ่ายก็จะเรียนไม่จบ
สมควรเก็บไว้ถ่ายตอนวันสำเร็จการศึกษาแล้วเท่านั้น
9. "ลาน 4 เสาเทวาลัย" นี่ก็อีกหนึ่งความเชื่อของคณะคุณภูมิ "สี่เสาเทวาลัย" อนุสรณ์สถานของอดีต
ตึกอักษรศาสตร์ 3 ที่โดนทุบไปนานแล้ว เช่นเดียวกับบันได้พญานาค เชื่อกันว่านิสิตที่ยังเรียนอยู่
ถ้าขึ้นมาเหยียบเทวาลัยจะทำให้เรียนไม่จบภายใน 4 ปี ซ