-->

ผู้เขียน หัวข้อ: ตำนานผีญี่ปุ่น Part14  (อ่าน 1480 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

  • Administrator
  • เทพเจ้าราตรี
  • *
  • กระทู้: 18336
  • Country: th
  • คะแนนจิตพิสัย +9/-0
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • cmxseed
ตำนานผีญี่ปุ่น Part14
« เมื่อ: 19 กันยายน 2014, 15:08:21 »

1. โรยากัน



โรยากันเป็นสุนัขอสูรผู้เฝ้าประตูนรกในความเชื่อของชาวญี่ปุ่น มีร่างกายใหญ่โตทมึน ดวงตาสีแดงดั่งประกายไฟ
และมี 3 หาง เสียงร้องก้องกังวานทั่วแดนนรก โรยากันมีหน้าที่เฝ้าประตูนรกเพื่อไม่ให้เหล่าวิญญาณบาปหลุดออก
ไปได้สักตน ต้องเสวยทุกข์ของตนยามที่ก่อไว้คราวเป็นมนุษย์อย่างแสนสาหัส และมันเป็นอสูรที่อดทนมีหน้าที่เฝ้า
ก็จะเฝ้าอย่างไม่มีเวลาพักผ่อนตลอดเวลา แต่เมื่อครบ 500 ปีนรก โรยากันจะหลับหนึ่งหน ซึ่งเป็นเหตุให้เหล่า
บรรดาภูติผีปิศาจและวิญญาณบาปพากันหนีมาสู่แดนมนุษย์ โรยากันโปรดปรานเนื้อสดๆของพวกปิศาจซึ่งจะมี
ยมทูตเอามาให้อยู่เสมอ...


นรกภูมิของญี่ปุ่น...ตามตำนานบันทึกของญี่ปุ่น นรกญี่ปุ่นนั้นมีทั้งหมด 6 ขุมใหญ่ๆ ซึ่งแต่ละขุมจะมียมทูตหัวม้า หัววัว
คอยลงทัณวิญญาณบาป นรกนี้นอกจากเป็นที่ทรมานวิญญาณแล้วยังเป็นแหล่งกำเหนิดของผีจำพวกโยวไก
หรือเหล่าปิศาจ ยิ่งลึกลงไปอีกอสูรในนั้นก็จะยิ่งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เรามาดูการจำแนกนรกทั้ง 6 ขุมใหญ่ของญี่ปุ่นกันมั่ง...



ขุมที่ 1. โชเน็นซึ นรกแห่งคมศาตรา ( ลงทัณฑ์ขั้นต้น )
ขุมที่ 2. ไคเน็นซึ นรกหนามงิ้ว ( พวกมักมากในกาม )
ขุมที่ 3. จูเน็นซึ นรกน้ำกรด ( พวกปากอัปมงคล )
ขุมที่ 4. เมียวคุโชซึ นรกภูผา ( ที่อยู่ของเหล่าภูติผีโยวไก )
ขุมที่ 5. มุเก็น นรกโลกันต์ ( ขุมที่โหดอำมหิต นรกพวกเปรต )
ขุมที่ 6. ราซึอนเมียว นรกไฟบรรลัยกัลป์ ( ลงทัณฑ์วิญญาณจนแตกดับ )


ลึกลงไปอีกก็จะเป็นวังของพญามัจจุราชเจ้าแห่งวิญญาณ...

พูดถึงดวงวิญญาณทุกดวงเมื่อพ้นจากการเป็นมนุษย์แล้งออกจากร่างจะไม่ไปนรกทันที แต่จะไปหยุดรออยู่ที่ โลกวิญญาณ
ซึ่งเป็นสถานที่ที่สวยงามมีแต่หมอกควัน พื้นดินถูกแซมไปด้วยดอกไม้เล้กๆ มักจะมีกลิ่นดอกบัวลอยมาอยุ่เสมอ และมี
แม่น้ำสายใหญ่ที่มีหญิงชราผ้าคลุมดำแจวเรือมารับข้ามไปจะถึงแดนยมโลก...




2. ผีแมลงวัน



เมื่อประมาณ 200 ปีมาแล้ว  มีพ่อค้าคนหนึ่ง ชื่อคาซะริยะ  คิวเบ อาศัยอยู่ในเมืองเกียวโต ร้านของเขาอยู่ที่ถนนเทระมะจิโดริ
ค่อนไปทางใต้ของถนนหลวงที่ชื่อ ชิมาบาระ  เขามีสาวใช้คนหนึ่ง ชื่อ ทามะ นางเป็นสาวพื้นเมืองจากมณฑลวาคาสะ 
ทามะได้รับความเมตตาจากคิวเบและภรรยาของเขาเป็นอย่างดี นางจึงจงรักภัคดีด้วยความจริงใจ แต่นางไม่สนที่จะแต่งตัว
ให้สวยเหมือนสาวๆคนอื่น เมื่อทามะได้พักในวันหยุดนางก็สวมชุดปอนๆที่ใช้สวมเวลาทำงานบ้าน ออกไปข้างนอก แม้นาย
จะหาเสื้อผ้าสวยๆมาให้หลายชุดก็ตาม หลังจากที่ทามะมาอยู่รับใช้ได้ราว 5 ปี คิวเบก็ถามขึ้นในวันหนึ่งว่า
เหตุใดทามะจึงไม่สนใจแต่งตัวให้ประณีตสวยงามบ้าง ทามะหน้าแดง เมื่อได้ยินนายถามเช่นนั้น นางตอบด้วยท่าทางนอบน้อมว่า


“เมื่อพ่อแม่ของบ่าวตายไปนั้น บ่าวยังเป็นเด็กเล็กมากในเมื่อพ่อแม่ไม่มีลูกคนอื่นๆ จึงเป็นหน้าที่ของบ่าวที่จะต้องจัดพิธี
สวดตามประเพณีทางพระพุทธศาสนาให้พ่อแม่ ในตอนนั้นบ่าวไม่มีเงินที่จะจัดพิธีสวดศพพ่อแม่ จึงตั้งใจจะนำเอา *อิไฮ*
(ป้ายชื่อ)ของพ่อแม่ไปไว้ในวัดแห่งหนึ่ง ชื่อวัดโจระกุจิ และเมื่อบ่าวมีเงินพอที่จะจัดพิธีสวด ก็จะจัดทันที---
เพื่อที่จะเก็บเงินไว้สวดศพให้พ่อแม่ บ่าวจึงพยายามประหยัดทั้งเงินทองและเสื้อผ้า---ซึ่งบ่าวอาจจะประหยัดมากเกินไป
จนท่านเห็นว่า บ่าวละเลยตัวตัวเอง แต่เวลานี้ บ่าวได้รวมรวบเงินได้หนึ่งร้อยมอมเมะ(หน่วยเงินของญี่ปุ่นสมัยโบราณ
ปัจจุบันเลิกใช้แล้ว)แล้ว เพื่อจะจัดพิธีสวดตามที่เรียนท่านไว้นั้น ต่อไปนี้บ่าวจะพยายามแต่งตัวประณีตให้ท่านเห็น
กรุณาอภัยให้บ่าวด้วย ที่เคยละเลยและไม่สุภาพต่อท่านในอดีต”


คิวเบรู้สึกจับใจในคำสารภาพอันแสนซื่อนี้ จึงพูดกับสาวใช้ด้วยความเมตตา ย้ำว่า จะแต่งกายอย่างไรก็ตามเถิดให้สบายใจก็แล้วกัน
และขอให้มีความกตัญญูต่อบิดามารดาเช่นนี้ตลอดไป หลังจากที่ได้พูดจากันดังนี้ไม่นานนัก สาวใช้ทามะก็สามารถนำป้ายชื่อของบิดา
มารดาเข้าไปไว้ในวัดโจระคุจิและจัดพิธีสวดให้ผู้บังเกิดเกล้าตามความเหมาะสม

ทามะใช้จ่ายเงินที่สะสมไป 70 มอมเมะ เหลืออีก 30 มอมเมะ จึงนำไปฝากนายผู้หญิงไว้ ต้oฤดูหนาวต่อมา ทามะป่วยหนัก
เพียงระยะสั้นๆแล้วเสียชีวิตในเดือนอ้าย ของปีที่ 15 แห่งศักราชเก็นโรขุ (ค.ส. 1720) คิวเบและภรรยาโศกเศร้ายิ่งนัก
ในการที่สาวใช้ผู้นี้ต้องตายไป

ประมาณ 10 ปีต่อมา แมลงวันตัวโตมากตัวหนึ่งได้เข้ามาในบ้านนี้ และบินวนเวียนไปรอบๆศีรษะของคิวเบ คิวเบรู้สึกประหลาดในมาก
เพราะตามปกติแล้วในระยะเวลาที่อากาศหนาวจัด จะไม่มีแมลงวันชนิดใดปรากฏมาให้เห็นเลย ยิ่งแมลงวันตัวโตยิ่งไม่มีใครได้เห็น
ยกเว้นในฤดูที่อากาศอบอุ่นเท่านั้น แมลงวันตอมคิวเบไม่ได้หยุด จนเขารำคาญ ต้องพยายามไล่จับ แล้วบรรจงปล่อยออกไปข้างนอกบ้าน
ด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง เพื่อไม่ให้แมลงวันได้รับอันตราย ทั้งนี้เพราะคิวเบถือศีลอย่างเคร่งครัด


ในไม่ช้า แมลงวันก็บินกลับมาอีก เขาต้องค่อยๆจับเอาไปปล่อย แมลงวันกลับเข้ามาตอมเขาอีกเป็นคำรบที่สาม
ภรรยาของคิวเบเห็นว่าสิ่งนี้ประหลาดมาก จึงพูดว่า

“ฉันสงสัยว่าจะเป็นทามะ”

(คนที่ตายไปแล้ว โดยเฉพาะผู้ที่ผ่านเข้าสู่สภาพที่เรียกว่า *กะขิ*หรือ *สัมภเวสี*หมายถึงผู้แสวงหาที่เกิดแต่ยังไม่ได้
ไปเกิดอาจจะกลับมาสู่โลกมนุษย์ได้อีกครั้งในรูปของแมลงต่างๆตามความเชื่อชาวพุทธโบราณ)

 คิวเบหัวเราะและตอบว่า
“เราต้องทำเครื่องหมายที่ตัวมัน จะได้รู้ว่าเป็นทามะจริงหรือเปล่า”
เขาตะครุบแมลงวันไว้ ใช้กรรไกรขลิบรงปลายปีกแล้วเอาแมลงวันแล้วนำไปปล่อยในที่ห่างไกลจากบ้านพอควร
วันรุ่งขึ้น แมลงวันกลับมาอีก คิวเบสงสัยว่าการที่มันเวียนกลับมานี้จะเกี่ยวกับเรื่องผีๆสางๆหรือไม่ จึงตะครุบตัวแมลงวันมา
ใช้*เบนิ*(ชาด)ทาที่ลำตัวและปีกของมัน แล้วเอาแมลงวันตัวนั้นไปปล่อยให้ไกลออกไปอีก

2 วันต่อมา แมลงวันกลับมาอีกคราวนี้คิวเบสิ้นสงสัย
“คิดว่าใช้ทามะแน่ละ ทามะต้องการอะไรสักอย่าง---อะไรหนอ” เขารึงพึงรำพัน

ภรรยาของคิวเบตอบว่า
“ฉันยังเก็บเงินของทามะไว้ 30 มอมเมะ ทามะอาจจะต้องการให้เราเอาเงินนี้ไปถวายวัด สำหรับให้พระสวดอุทิศ
ส่วนกุศลให้ดวงวิญญาณของามะเองกะมัง เพราะทามะกระตือรือร้นเรื่องชาติหน้าเหลือเกินนี่”


เมื่อพูดแมลงวันตัวนั้นก็ร่วงลงมาจากหน้าต่างบุกกระดาษสาที่มันเกาะอยู่ คิวเบหยิบแมลงวันขึ้นมาดู ก็เห็นว่ามันตายเสียแล้ว
ดังนั้น  สองสามีภรรยาจึงรับไปที่วัดทันที เพื่อนำเงินของสาวใช้ไปถวายพระ ทั้งสิงเอาศพแมลงวันใส่กล่องไปวัดด้วย
เมื่อท่านสมภารจิกุ โชนิน ได้ยินเรื่องราวของแมลงวันก็บอกว่าคิวเบและภรรยาของเขาทำถูกแล้วในเรื่องนี้

ท่านสมภารจัดพิธีสวดอุทิศส่วนกุศลให้ดวงวิญญาณของทามะ และสวดบทพระสูตร*เมียวเต็น*ทั้ง 8 พระคัมภีร์
เหนือร่างแมลงวัน ศพแมลงวันที่อยู่ในกล่อง ถูกฝังไว้ในบริเวณวัด และมีการตั้งแท่นหินจารึกชื่ออย่างถูกต้องไว้
เหนือที่ฝังศพแมลงวันด้วย



3. บาคุ ปีศาจกินฝันร้าย



บาคุเป็นสัตว์ประหลาดของญี่ปุ่น  ตามตำราเป็นสัตว์ที่มีลูกผสมของสัตว์หลายชนิด
หัวเป็นแรด มีงางวงเหมือนช้าง หางเป็นวัว ลำตัวเหมือนม้า หน้าราชสีห์ มีเท้าเหมือนเสือ
นอกจากรูปร่างหน้าตาจะพิศดารแล้ว ความสามารถบาคุคือการกินฝันมันจะมาหาเราตอนกลางคืน แล้วถามว่า
มีฝันให้กินมั้ยถ้าเราเล่าฝันร้ายให้มัน มันก็จะกินให้ แล้วเราก็จะรู้สึกดีขึ้นนับว่าเป็นปิศาจที่ดี  ญีปุ่นรับวัฒนธรรม
บางส่วนมาจากจีน เช่นระบบการศึกษา คาดว่าเจ้าบาคุก็น่าจะติดมาด้วย เพราะคนญี่ปุ่นมักแขวนรูปบาคุไว้
หน้าบ้านเพราะเชื่อว่าจะช่วยป้องกันสิ่งอัปมงคลได้   นอกจากนั้นเมื่อบูชารูปบาคุไว้ที่ผนังบ้าน
ก็จะสามารถป้องกันปิศาจร้ายที่สร้างภัยพิบัติในตำราโบราณโบราณระบุว่า ถ้าเกิดอาเพสแบบไหน
ปิศาจจะชื่ออะไร เช่น


เมื่อไก่ออกไข่มีเปลือกนิ่ม ปิศาจจะชื่อไทฟู
เมื่องูเลื้อนพันกันเอง ปิศาจจะชื่อจินชู
เมื่อหูหมาตลบไปด้านหลัง ปิศาจจะชื่อไทโย
เมื่อจิ้งจอกพูดเหมือนคน ปิศาจจะชื่อไกชู
เมื่อโลหิตปรากฏบนเสื้อผ้าคนไร้ที่มา ปิศาจจะชื่อยูกิ
เมื่อหม้อหุงข้าวส่งเสียงเหมือนคนพูด ปิศาจจะชื่อคันโจ
และเมือฝันร้ายในยามราตรี ปิศาจจะชื่อริเง็ทสึ

 

และเมื่อปรากฏการณ์กาลีบ้านกาลีเมืองเหล่านี้เกิดขึ้น ก็ให้เรียกชื่อบาคุ ปิศาจก็จะจมลงดินไป
คนญี่ปุ่นมีความเชื่อเรื่องบาคุผูกพันธ์กับการนอน เช่น อาจจะแปะยันต์รูปบาคุไว้ก่อนนอน
แล้วท่องคาถา

บาคุ คุราเอ
บาคุ คุราเอ
บาคุ คุราเอ

 
แปลว่า เจ้าบาคุเอ๋ย จงมากินฝันของข้าซะ
แล้วฝันร้ายก็จะกลายเป็นเรื่องดี
 


หรือแม้กระทั่งเขียนชื่อบาคุ หรือสลักรูปบาคุไว้ที่หมอนไม้ลงรักทาสีเหมือนเครื่องเขิน เป็นของใช้ระดับเจ้าขุนมูลนาย
เชื่อว่าใครนอนหนุนหมอนบาคุจะนอนหลับสบายและไม่ฝันร้าย  มีเรื่องเล่าหนึ่งน่าสนใจ โดยผู้เขียนเรื่องผี ๆ ลาฟคาดิโอ เฮิร์น 
เล่าว่าในกลางดึกฤดูร้อนเขาตกใจตื่นกลางดึก  แล้วก็มีตัวบาคุบินเข้ามาหาทางหน้าต่างพร้อมถามว่ามีอะไรให้่กินหรือไม่ 
เขาตอบว่ามีสิ จงฟังให้ดีเขาเล่าวว่าฝันเห็นตัวเองนอนอยู่บนเตียง หมดลมหายใจเป็นศพอยู่



มีผู้หญิงนั่งล้อมเตียงไว้เจ็ดคน แต่งชุดดำหมด ทุกคนสีหน้าเรียบเฉย ไม่แก่ไม่สาวนั่งได้พักหนึ่งแล้วก็ลุกเดินออกจากห้อง
ไปทีละคนเขาเลยเดินเข้าไปดูศพตัวเองใกล้ ๆ แล้วจู่ ๆ ขณะที่จ้องศพตัวเอง  ตาของศพที่ปิดอยู่ก็ลืมโพลงขึ้นมา!!!
แล้วเขาก็สังเกตว่านี่ใช่ตัวเค้าแน่หรือ ทำไมหน้าไม่เหมือนกันเลยดูแตกต่างออกไป  จากนั้นศพนั้นก็ลุกพรวดขึ้นมาครางฮือ ๆ
พร้อมผวามาเกาะตะกายบนตัวเขาแล้วเขาก็คว้าขวานมาจากไหนไม่ทราบ จามศพนั้นลงและสับจนเละเป็นซาก
เมื่อเหล่าจบ เขาก็กล่าวกับบาคุว่า นี่คือฝันทั้งหมดของข้าพเจ้า บาคุ จงมากินเถิดบาคุบอกว่าจะมีสิ่งใดให้กินเล่า
นี่คือฝันดีอยู่แล้ว เพราะเจ้าฝันถึงขวาน ขวานคือกฏอันดีเลิศ ที่เจ้าใช้ทำลายอสุรกายในตัวตน ฝันนี้จะนำโชคมาให้
เพราะเจ้าได้ทำลายความชั่วในตัวตนไปหมดแล้วแล้วบาคุก็บินออกไปจากบ้านไป



4. ปีศาจยายแก่แขนยาว (เทนางะบะบา)



ยายแก่แขนยาว เป็นปีศาจที่เล่าขานในภาคเหนือของจังหวัดชิบะ และอีบารากิ มันชอบอาศัยอยู่ตามแหล่งน้ำ
เชื่อกันว่า มันเป็นยายแก่ผมขาวที่มีหน้าตาหน้ากลัว แต่ก็ไม่เคยมีใครเคยเห็นตัวตนที่แท้จริงของมัน เพราะมันจะ
ปรากฏให้เห็นเฉพาะแขนที่ยาวออกมาจากบ่อน่ำเท่านั้น ถ้ามีเด็กอยู่ที่ริมฝั่ง มันก็จะออกมาจากน้ำ แล้วขู่ว่า
"เดี๋ยวจะดึงลงไปในน้ำซะเลย" หรือบางทีก็จออกมาเตือนเด็กๆ ที่เล่นอยู่ในที่อันตรายเช่น ตามบึงหรือบ่อน้ำ
จึงถือว่ามันเป็นปีศาจที่เหมือนเป็นผู้ดูแลซะมากกว่า


แต่ยายแก่แขนยาวซึ่งเล่าขานกันในเมือง ทัซึโกะ จังหวัด อาโอโมริ กลับมีลักษณะที่แตกต่างจากยายแก่แขนยาวทั่วไป

ที่ภาคเหนือของเมืองทะซึโกะ จังหวัดอาโอโมริ มีภูเขาชื่อไคโมะริกาตาเกะ (ภูเขาเปลือกหอย) ซึ่งเชื่อกันว่า
ในสมัยอดีคมียายแก่แขนยาวอาศัยอยู่ที่ยอดเขานั้น มันชอบที่จะมานั่งมองทะเลฮะจิโนะเฮะ อยู่ตลอดทั้งวัน
เวลามันหิวจะยืดมือจากยอดเขาลงไปในทะเล เพื่อจับหอยทะเลมากิน

ในปัจจุบันนี้ก็ยังมีเปลือกหอยที่เชื่อกันว่ายายแก่แขนยาวได้กินและทิ้งเอาไว้ ตกอยู่บนยอดเขาอยู่เป็นจำนวนมาก

ยายแก่แขนยาวตัวนี้ตัวใหญ่มาก ท่าทางจะเป็นพวกเดียวกันกับ อาชีนะ เทนะงะ (ปีศาจแขนขายาว)
ซึ่งไม่เพียงแต่มีแขนและขาที่ยาวที่สุดเท่านั้น แต่ยังมีขนาดตัวที่ใหญ่เหมือน ไดดาระโบ๊ทจิ อีกด้วย
และเนื่องจากที่มันมีขนาดตัวที่ใหญ่มาก มันจึงสามารถยึดแขนจากยอดเขาไปถึงทะเลได้นั้นเอง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19 กันยายน 2014, 16:39:53 โดย etatae333 »
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่