-->

ผู้เขียน หัวข้อ: 10 เหตุการณ์บุคคลสำคัญของโลกที่ถูกลอบสังหาร อย่างเหลือเชื่อ  (อ่าน 1240 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

  • Administrator
  • เทพเจ้าราตรี
  • *
  • กระทู้: 18818
  • Country: th
  • คะแนนจิตพิสัย +9/-0
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • cmxseed

10 เหตุการณ์บุคคลสำคัญของโลกที่ถูกลอบสังหาร อย่างเหลือเชื่อ

ไม่ว่าจะเป็นคนดังหรือคนสำคัญของโลกอย่างไร ก็ยังมีด้านลบที่ผู้คนไม่อาจจะรับได้และทำให้เกิดแรงกระตุ้น
ที่จะต่อต้าน จึงได้เกิดเป็นเหตุการณ์ที่ถูกรอบสังหารขึ้น เป็นเหตุการที่ถือได้ว่าช๊อคโลกกันเลยทีเดียว
ลองไปชมเลยว่ามีใครบ้าง


ที่มา : ทีมงาน toptenthailand


10. Abraham Lincoln (1809 – 1865)

อับราฮัม ลินคอล์น เป็นประธานาธิบดีคนที่ 16 ของสหรัฐอเมริกา เจ้าของคำพูด
“จงทำลายศัตรูของท่านด้วยการทำให้เขาเป็นมิตร”



ดำรงตำแหน่งตั้งแต่เดือนมีนาคม ค.ศ. 1861 กระทั่งถูกลอบสังหารเมื่อเดือนเมษายน ค.ศ. 1865 ลินคอล์น
ประสบความสำเร็จในการนำพาประเทศผ่านพ้นสงครามกลางเมืองอเมริกา ซึ่งเป็นวิกฤตการณ์รัฐธรรมนูญ ทางทหาร
และศีลธรรมครั้งใหญ่ที่สุดของประเทศ โดยรักษาไว้ซึ่งสหภาพ ขณะที่เลิกทาส และการส่งเสริมการทำให้เศรษฐกิจ
และการเงินทันสมัย




ลินคอล์นเกิดในครอบครัวยากจนทางชายแดนตะวันตก ส่วนใหญ่ลินคอล์นศึกษาด้วยตนเอง และกลายเป็นทนายความชนบท
ผู้นำพรรค วิก สมาชิกสภานิติบัญญัติรัฐอิลลินอยส์ระหว่างคริสต์ทศวรรษ 1830 และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกา
หนึ่งสมัยระหว่างคริสต์ทศวรรษ 1840 หลังการโต้วาทีใน ค.ศ. 1858 ซึ่งทำให้ประเทศมองเห็นการคัดค้านการขยายความ
เป็นทาสของเขา ลินคอล์นก็แพ้การเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาแก่คู่แข่งคนสำคัญ สตีเฟน เอ. ดักลาส

9. Lord Louis Mountbatten (1900 – 1979)

ลอร์ด หลุยส์ เมาท์แบทเทน (Lord Louis Mountbatten) อดีตผู้สำเร็จราชการอินเดีย ถูกลอบสังหารจนเสียชีวิต
โดยการวางระเบิดเรือขณะล่องเรือเที่ยวที่ชายฝั่งหมู่บ้านมัลแลกมอร์ (Mullaghmore) ทางตอนเหนือของไอร์แลนด์
โดยกลุ่มก่อการร้าย IRA


8. Malcolm X (1925 – 1965)



แมลคัม เอ็กซ์ เกิดที่โอมาฮา เนแบรสกา เดิมชื่อ "แมลคัม ลิทเทิล" บิดาของเขาถูกฆาตกรรม และมารดาถูกส่งเข้า
โรงพยาบาลเพื่อรักษาอาการทางประสาท มัลแคมจึงต้องใช้ชีวิตวัยเด็กในบ้านเลี้ยงดูเด็กกำพร้า ทำให้ขาดการเลี้ยงดู
และก่ออาชญากรรมในบอสตันและนิวยอร์ก และต้องรับโทษในเรือนจำ ในปี 1945

ระหว่างถูกจองจำ แมลคัมได้ร่วมเป็นสมาชิกของขบวนการชาติแห่งอิสลาม และเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอิสลาม
หลังจากเขาได้รับทัณฑ์บนในปี ค.ศ. 1952 แมลคัมได้ร่วมงานกับขบวนการชาติแห่งอิสลามอย่างจริงจัง
ได้รับตำแหน่งโฆษกและเป็นแกนนำคนสำคัญคนหนึ่งขององค์การ ต่อมาเขาเกิดความขัดแย้งกับอีไลจาห์ มูฮัมมัด
ผู้นำขบวนการชาติแห่งอิสลาม จึงลาออกในปี ค.ศ. 1964

หลังจากลาออกจากขบวนการชาติแห่งอิสลาม แมลคัมได้ตั้งองค์กรชื่อ "Muslim Mosque, Inc." และ
"Organization of Afro-American Unity" ทำให้เกิดความขัดแย้งกับองค์กรเดิม เขาถูกสังหาร
เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1965 ขณะกำลังปราศรัยในหอประชุมแห่งหนึ่งในแมนฮัตตันโดยชายฉกรรจ์สามคน
ที่เป็นสมาชิกของขบวนการชาติแห่งอิสลาม แต่องค์กรดังกล่าวได้ปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับการลอบสังหาร


7. Mohandas Gandhi (1869 – 1948)



ผู้นำทางการเมืองที่ต่อสู้เพื่อเอกราชของชาวอินเดียจากอังกฤษ โดยใช้สันติวิธี หรือ แบบอหิงสา เช่นการอดอาหารประท้วง
การไม่ใช้ความรุนแรง จนทำให้อังกฤษยินยอมให้เอกราช ในปี ค.ศ. 1948


แต่สุดท้ายตัวของคานธีเอง กลับถูกชาวฮินดูหัวรุนแรงลอบสังหาร เมื่อวันที่ 30 มกราคม ค.ศ. 1948


6. John Lennon (1940 – 1980)



วันที่ 8 ธันวาคม 1980 ช่วงบ่ายขณะที่จอห์น เลนนอน อยู่ในสตูดิโอเพื่อกำลังเตรียมตัวอัดเพลงใหม่ ก็มีชายคนนึ่ง
ชื่อว่า Mark Chapman (มาร์ค แชปแมน) ถือกระดาษกับปากกาออกมาเขียนแล้วยื่นให้จอห์น เลนนอน
เพื่อขอลายเซ็น จอห์นเซ็นลายเซ็นให้

คืนนั้นจอห์นกับโยโกะก็มาอยู่ที่หน้าอพาร์ตเมนต์ของเขา เขาก็พบ mark chapman
มาร์คพูดว่า "คุณเลนนอน!!" แล้วเขาก็ยิงจอห์นไปห้านัด จอห์นเสียชีวิตทันทีด้วยวัย 40 ปี 3 นาทีต่อมา
ตำรวจมาถึงอพาร์ตเมนต์ มาร์คยังอยู่ตรงนั้นเขาพูดกับตำรวจว่า

"ฉันนี้แหละที่ยิงจอห์น เลนนอน"



5. John F Kennedy (1917 – 1963)



จอห์น เอฟ. เคนเนดี ประธานาธิบดีลำดับที่ 35 แห่งสหรัฐอเมริกา เกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2506
เวลา 12.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น (เวลา 18.30 น. ตามเวลาสากลเชิงพิกัด) ณ เดลลีย์พลาซา เมืองแดลลัส รัฐเทกซัส
ประธานาธิบดีเคนเนดีถูกยิงถึงแก่ชีวิตระหว่างที่นั่งขบวนรถประธานาธิบดีไปกับภรรยาของเขา แจ็กเกอลีน เคนเนดี โอนาสซิส

การสืบสวนของคณะกรรมการวอร์เรน ซึ่งกินเวลา 10 เดือนระหว่าง พ.ศ. 2506-พ.ศ. 2507 การสืบสวนของ
คณะกรรมการสมาชิกผู้แทนราษฎรสหรัฐว่าด้วยการลอบสังหารประธานาธิบดี (HSCA) ระหว่าง พ.ศ. 2519-พ.ศ. 2522
และการสืบสวนของรัฐบาล สรุปว่าประธานาธิบดีถูกลอบสังหารโดยลี ฮาร์วีย์ ออสวอลด์ ซึ่งในเวลาต่อมาออสวอล์ด
ถูกฆาตกรรมโดยแจ๊ค รูบี้ ก่อนที่เขาจะต้องขึ้นศาล

ในช่วงแรกที่มีการเปิดเผยผลการสืบสวน ข้อสรุปนี้ได้รับการยอมรับจากสาธารณชนอเมริกัน แต่ในภายหลัง ผลสำรวจ
ที่มีการจัดทำขึ้นระหว่าง พ.ศ. 2509 ถึง พ.ศ. 2547 เปิดเผยว่าชาวอเมริกันประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์มีความเชื่อตรงกันข้าม
กับข้อสรุปที่ได้จากการสืบสวนดังกล่าว[1][2] การลอบสังหารนี้ยังคงเป็นประเด็นการอภิปรายในวงกว้าง
และก่อให้เกิดประเด็นเรื่องทฤษฎีสมคบคิดและการจัดฉากอย่างนับไม่ถ้วน

ใน พ.ศ. 2522 คณะกรรมการสมาชิกผู้แทนราษฎรสหรัฐว่าด้วยการลอบสังหารประธานาธิบดี ค้นพบว่ารายงานการสืบสวน
ของเอฟบีไอและคณะกรรมการวอร์เรนมีข้อบกพร่องอย่างร้างแรง คณะกรรมการฯ ยังสรุปด้วยว่ามีการยิงปืนใส่ไม่ต่ำกว่า 4 นัด
ซึ่งเป็นไปได้สูงว่าอาจมีฆาตกรสองคน และทฤษฎีสมคบคิดดังกล่าวเกิดขึ้นจริง

อย่างไรก็ดี ผลการศึกษาในภายหลัง ซึ่งรวมถึงผลการศึกษาของสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติสหรัฐอเมริกา
ได้ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับความถูกต้องของหลักฐานที่คณะกรรมการฯ ใช้เพื่อสนับสนุนทฤษฎีกระสุนสี่นัดดังกล่าว



4. Martin Luther King (1929 – 1968)



มาร์ติน ลูเธอร์ คิง เป็นหมอสอนศาสนานิกายแบปทิสและนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน (Civil Right) เกิดที่นครแอตแลนตา
รัฐจอร์เจีย เป็นบุตรชายของพระแบปทิส ได้รับการศึกษาจากวิทยาลัยมอร์เฮาส์ แอตแลนตา จากวิทยาลัยการศาสนาโครเซอร์
เพนซิลเวเนีย และจากมหาวิทยาลัยบอสตัน

ต่อมาได้กลายเป็นผู้นำขบวนการเรียกร้องสิทธิเสมอภาคของชาวผิวดำเนื่องจากนโยบาย และแนวทางต่อต้านที่ใช้ความนุ่มนวล
ตามแนวทางของมหาตมะคานธี และจากทักษะการพูดต่อสาธารณะที่เป็นที่เลื่องลือ คิงได้เป็นผู้นำในการคว่ำบาตรไม่ยอมรับ
การแบ่งแยกคนผิวดำที่ไม่ให้โดยสารรถประจำทาง ร่วมกับคนผิวขาวที่เมืองมอนต์โกเมอรี รัฐแอละบามาและจัดประชุมผู้นำ
ศาสนาคริสเตียนตอนใต้ ในระหว่างนี้เขาถูกจับขังคุกหลายครั้ง

มาร์ติน ลูเธอร์ คิง ถูกลอบยิงถึงแก่ชีวิตที่เมืองเมมฟิส รัฐเทนเนสซี โดยเจมส์ เอิร์ล เรย์ ชาวผิวขาว ซึ่งต่อมาถูกจับกุมได้
ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษและถูกศาลพิพากษาจำคุก 99 ปี 

หลังจากเขาถูกลอบสังหารในปี 1968 เขาได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของการต่อต้านเพื่อความยุติธรรมทางเชื้อชาติจวบจนทุกวันนี้


3. Leon Trotsky (1879 – 1940)



การลอบสังหารครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 พ.ค. 2483 โดยจิตรกรชาวเม็กซิกันชื่อ David Alfaro Siqueiros
และคนของสตาลินได้ปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจระดมยิงเข้ามาในบ้าน หลักฐานของรู กระสุนเป็นร้อยนัดยังปรากฏ
ให้เห็นจนถึงทุกวันนี้ Trotsky หลบลูกกระสุนอยู่มุมห้องนอนอย่างปลอดภัย ราวปาฏิหาริย์ หลานของเขาได้รับบาดเจ็บ
แต่ก็ไม่มีใครตาย หลังจากนั้น บ้านหลังนี้ ก็ได้รับการอารักขา คุ้มกันอย่างเต็มที่ เสมือนเป็นเหมือนป้อมปราการ
ที่ตั้งอยู่ ริมแม่น้ำ Churubusco

แต่แล้วในอีกสามเดือนต่อมา การลอบสังหารครั้งที่สองก็เกิดขึ้น โดยฝีมือของชายหนุ่มที่เข้าออกบ้านได้ อย่างสบาย
ในฐานะแฟน ของเลขาฯส่วนตัวของ Trotsky ที่มาขอให้ Trotsky ช่วยอ่านบทความของเขา ขณะที่ Trotsky ก้มลงอ่าน
ชายผู้นั้นก็เอาอุปกรณ์เหล็กแหลมสำหรับปีนเขาที่ซ่อนไว้ในเสื้อโค้ทจาม เข้า ไปตรงกะโหลกศีรษะด้าน
หลังของ Trotsky ชายชราวัย 60 ปีผู้นี้มิได้ล้มลง แต่กลับลุกขึ้นยืน และส่งเสียง ร้องโหยหวน พร้อมกับระดมต่อสู้
กับผู้ปองร้ายเขาด้วยของทุกอย่างที่อยู่ใกล้มือ เพื่อไม่ให้เขาถูกกระทำ ซ้ำได้อีก

บาดแผลฉกรรจ์ทำให้ Trotsky เสียชีวิตในคืนวันต่อมาที่โรงพยาบาล ซึ่งเป็นคืนวันที่ 21 สิงหาคม 2483
และผู้ที่ทำลอบสังหารเขาก็คือ นักคอมมิวนิสต์ชาวสเปน ที่แกล้งมาติดพันกับเลขาของ Trostky เพื่อปฏิบัติ การครั้งนี้
เขาถูกศาลสั่งจำคุกเขา 20 ปี

หลังออกจากคุก ข่าวว่า เขาหนีไปปราก และเข้ามอสโคเพื่อรับ รางวัลที่สังหาร Trotsky ได้สำเร็จ
ก่อนจะเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในฮาวานา




2. Julius Caesar (100BC TO 44BC)



การลอบฆ่าเป็นไปอย่างง่ายดาย ซีซาร์เองไม่เคยได้คิดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลย จึงไม่มีการระวังตัวแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม
ในวันที่ 14 มีนาคมก่อนคริสต์ศักราช 44 ปี ซึ่งเป็นวันก่อนวันเกิดเหตุร้ายเพียงหนึ่งวัน ก็ได้มีสัญญาณหลายอย่างที่แสดงว่า
โลกเรากำลังจะต้องสูญเสียผู้ยิ่งใหญ่อีกคนหนึ่ง พายุพัดแรงจัด มีดาวหางขึ้นในท้องฟ้าคัลเฟอร์เนีย ภรรยาของจูเลียส
นึกสังหรณ์ใจจนถึงกับกราบขอร้องอ้อนวอนมิให้สามีเธอเดินทางไปประชุมสภาเซเนทในวันรุ่งขึ้น แต่จูเลียสกลับหัวเราะเยาะ
ราวกับเห็นเป็นเรื่องขบขันเสียเต็มประดา จูเลียสดื้อรั้นที่จะไปประชุมในวันนั้นให้ได้

เมื่อเขาเดินผ่านห้องโถง รูปปั้นตัวเขาเองก็หล่นลงมาแตกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย นอกจากนั้นระหว่างทาง
มีชายคนหนึ่งแอบส่งจดหมายให้เขาฉบับหนึ่งขอร้องให้เขาอ่านก่อนที่จะเข้าประชุม แต่จูเลียสเพียงแต่กำไว้ในมือ
โดยไม่ทันได้อ่าน ถ้าเพียงแต่เขาจะได้มีโอกาสอ่านจดหมายฉบับนั้น ประวัติศาสตร์โรมันก็คงจะเปลี่ยนไปอีกเป็นคนละรูป
เพราะในจดหมายฉบับนั้นมีรายชื่อของผู้ที่คิดวางแผนจะเอาชีวิตเขาทั้งหมด รวมทั้งแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับแผนการนั้นด้วย

11.00 น. เช้าวันที่ 15 มีนาคม ก่อนคริสต์ศักราช 44 ปี ขณะที่จูเลียส ซีซาร์กำลังยืนอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับการประชุม
ในสภาเซเนท แคสซิอุส มาร์คุส จูนิอุส บรูตุส ลูกเลี้ยงของเขา หนึ่งในจำนวนผู้วางแผนทรยศก็ได้ปักดาบคู่มือทะลุผ่านลำคอ
ซีซาร์ยกมือขึ้นรับ แต่ก็ไม่สำเร็จ เขาล้มลงขาดใจตายจมกองเลือดอยู่ ณ ที่นั่นเอง




1. Franz Ferdinand (1863 – 1914)




เมื่อวันที่28 มิถุนายน พ.ศ. 2457 เวลา 11 นาฬิกา 15 นาที อาร์ชดยุกฟรันซ์ แฟร์ดินันด์และดัชเชสโซฟี พระชายา
ทรงถูกลอบปลงพระชนม์ที่เมืองซาราเยโว นครหลวงของประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนาซึ่งขณะนั้น ยังเป็นส่วนหนึ่ง
ของจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี ทั้งสองพระองค์ถูกลอบปลงพระชนม์โดยกาฟรีโล พรินซิป หนึ่งในสมาชิกกลุ่มแบล็คแฮนด์
(Црна рука/Tsrna Ruka) ซึ่งการลอบปลงพระชนม์ครั้งนี้นำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 1 โดยก่อนหน้านี้

ทั้งสองพระองค์ทรงเกือบถูกโจมตีโดยระเบิดที่หนึ่งในสมาชิกกลุ่มแบล็คแฮนด์ได้ขว้างมา แต่โชคดีที่ระเบิดพลาดไป
แต่พลเมืองก็ได้รับบาดเจ็บ ทั้งสองพระองค์จึงเสด็จเยี่ยมพลเมืองที่ได้บบาดเจ็บในครั้งนี้ แต่ในขณะที่ทั้งสองพระองค์
กำลังเสด็จไปเยี่ยมผู้ปะสบภัยที่โรงพยาบาลนั้น นายพรินซิปได้เห็นทั้งสองพระองค์ จึงวิ่งพรวดเข้าไปหาราชรถแล้ว
ยิงไปที่ดัชเชสโซฟีโดยทันที จากนั้นก็ยิงอาร์ชดยุกอีกหลายนัดเข้าที่พระองค์ทันที ท่ามกลางทหารแประชาชนทั้งหมื่น
คนที่มารอเฝ้ารับเสด็จ การลอบปลงพระชนม์ครั้งนี้ถูกเชื่อมโยงไปถึงลัทธิชาตินิยม ลัทธิจักรวรรดินิยม ทหารและระบบสหพันธ์
ทำให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 โดยเริ่มขึ้นหลังจากการลอบปลงพระชนม์เพียง 2 เดือนโดยออสเตรีย-ฮังการีได้ประกาศ
สงครามกับเซอร์เบีย

พระศพอาร์ชดยุกฟรานซ์ เฟอร์ดินานด์และดัชเชสโซฟีถูกฝังไว้ที่ปราสาทอาร์ทสเต็ทเท็น ซึ่งเป็นพระราชฐาน
ของราชสกุลโฮเฮนเบิร์ก ประเทศออสเตรีย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11 ตุลาคม 2014, 11:29:44 โดย etatae333 »
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่